คำต่อคำ นายจุรินทร์ “รวมพลังประชาธิปัตย์ ปลายด้ามขวาน” เปิดตัวผู้สมัคร 3 จังหวัดชายแดนใต้

คำต่อคำ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์

ในงาน “รวมพลังประชาธิปัตย์ ปลายด้ามขวาน”

เปิดตัวผู้สมัคร ส.ส. 3 จังหวัดชายแดนใต้

ที่หอประชุมเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา มหาวิทยาลัยราชภัฏยะลา

วันที่ 20 พ.ย.2565 

สวัสดีครับ พี่น้องชาวยะลา นราธิวาส ปัตตานี และพี่น้องชาวชายแดนภาคใต้ทุกคน รวมทั้งเพื่อนสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ สื่อมวลชนทุกท่านนะครับ ปรบมือทดสอบพลังหน่อยนึง (เสียงปรบมือ)

ดีใจนะครับ ได้มีโอกาสมาพบกับพี่น้องอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งปกติผมก็เดินทางมาจังหวัดชายแดนใต้ ถือว่าบ่อยมาก แล้วก็ได้มีโอกาสมาทำกิจกรรมกับพี่น้องมาตลอดระยะเวลาไม่เฉพาะตอนมาเป็นรัฐบาลในคณะรัฐมนตรีชุดนี้ แต่ก่อนหน้านี้ก็ได้มีโอกาสมาพบปะเยี่ยมเยียนกับพี่น้องอยู่บ่อยครั้ง โดยต่อเนื่อง เพราะฉะนั้นขออนุญาตเรียนกับพี่น้องว่า สำหรับพี่น้องจังหวัดชายแดนภาคใต้กับพรรคประชาธิปัตย์ไม่ใช่คนอื่นไกล เราเป็นพี่น้องกัน เป็นเลือดเนื้อเชื้อไขคนไทย เป็นเลือดเนื้อเชื้อไขพรรคการเมืองที่ชื่อว่าประชาธิปัตย์ นับเนื่อง ต่อเนื่องมายาวนาน

ความจริงถ้าท่านย้อนไปไม่ไกล ตั้งแต่สมัยท่านชวน หลีกภัยเป็นนายกรัฐมนตรี ตอนนั้นผมมีโอกาสไปเป็นรัฐบาล ไปเป็นรัฐมนตรีร่วมกับรัฐบาลท่านชวน มา 2 ครั้ง รัฐบาลชวน 1 ผมมีโอกาสไปเป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ จากนั้นก็มาเป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ถัดมาถึงยุครัฐบาลชวน 2 ก็มีโอกาสไปเป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี มีโอกาสไปดูแลการกีฬา เขาเรียกรัฐมนตรีกีฬา มีโอกาสไปดูแลการท่องเที่ยว พี่น้องคงจำ Amazing Thailand ได้ ก็มีโอกาสไปขับเคลื่อนการท่องเที่ยว รวมทั้งมาช่วยสนับสนุนการท่องเที่ยวในยุคนั้นกับพี่น้องจังหวัดชายแดนภาคใต้ มีการจัดการแข่งขันกีฬา เหย้า-เยือน กันระหว่างฝั่งเรากับฝั่งมาเลเซีย เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงกีฬา 

แล้วผมก็มาดำเนินการในเรื่องของการจัดลานกีฬาให้กับพี่น้องประชาชนจำนวนมาก ที่เบตง สนามกีฬาที่งดงามที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศไทย ก็เกิดขึ้นในยุคที่ผมเป็นรัฐมนตรีกีฬา อันนี้พี่น้องประชาชนทุกคนรู้ดี มาถึงรัฐบาลท่านอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผมก็มีโอกาสไปเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ แล้วก็มาเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ทวนความหลังให้พี่น้องได้เห็นภาพก็คือว่า เราปฏิสัมพันธ์กับพี่น้องจังหวัดชายแดนภาคใต้มาโดยต่อเนื่อง แล้วก็ทำหน้าที่แทนทุกท่าน จนมาถึงรัฐบาลนี้ มาเป็นรองนายกรัฐมนตรี แล้วก็มาเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ 

จังหวัดชายแดนภาคใต้ ปัญหาใหญ่ในอดีต คือปัญหาเรื่องความมั่นคง พี่น้องรู้ดีกว่าผม เพราะพี่น้องอยู่กับมันทุกเมื่อเชื่อวัน ท่านชวน เป็นผู้ที่เข้ามาช่วยแก้ปัญหาความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ในยุครัฐบาลตั้งแต่ชวน 1 ไล่มาถึงรัฐบาลชวน 2 พี่น้องคงจำได้ เรามีการจัดตั้ง ศอ.บต. ขึ้นมา เพื่อมาแก้ไขปัญหาโดยใช้พลเรือนนำการทหาร หรือใช้การเมืองนำการทหาร ต่อเนื่องมาจากสมัยป๋าเปรม ประชาธิปัตย์ยุคนั้นก็ขับเคลื่อน ศอ.บต. เข้ามาบริหารจัดการ แก้ปัญหาความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ท่านทราบมั้ยครับว่า ก่อนหน้าท่านชวนเข้ามา ความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้มีปริมาณที่มาก เมื่อนับครั้งของการก่อเหตุ แต่มาถึงยุคท่านชวน หลีกภัย เป็นนายกฯ ปีหนึ่งลดมาเหลือแค่ 12 ครั้ง นั่นคือผลสัมฤทธิ์ที่ท่านอาจจะลืมไปแล้ว เพราะนโยบายที่เราใช้เรื่องการเมืองนำการทหาร และมุ่งเน้นในเรื่องของการพัฒนา 

สามเหลี่ยมเศรษฐกิจ ไทย – มาเลย์ – อินโดนีเซีย เกิดขึ้นในยุคท่านชวน หลีกภัย เป็นนายกรัฐมนตรี พี่น้องคงจำได้ พวกเราทุกคน ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน พิธีทางศาสนาที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของชาวมุสลิมที่นี่ คือมีโอกาสไปฮัจย์ แต่อดีตเราไปฮัจย์ ก็ไปแบบเอกชน ไปแบบเฉพาะตัวบุคคลที่จะไปร่วมพิธีทางศาสนาที่ซาอุดิอาระเบีย แต่ว่ายุคที่ประชาธิปัตย์เป็นรัฐบาล เรามีการขับเคลื่อนพระราชบัญญัติให้มีการจัดตั้งอะมีรุ้ลฮัจย์ เพื่ออะไรครับ ก็เพื่อให้พี่น้องชาวมุสลิมได้มีกฎหมายรองรับในการเดินทางไปทำพิธีฮัจย์ และได้รับการคุ้มครองจากภาครัฐตามกฎหมาย ดูแลสนับสนุนตั้งแต่การเดินทาง การไปทำพิธีแล้วก็จนกระทั่งดำเนินการแสวงบุญแล้วก็เดินทางกลับประเทศไทยโดยสวัสดิภาพ นี่คือสิ่งที่ผมย้อนสั้นๆ ให้พี่น้องได้เห็นภาพว่าประชาธิปัตย์ทำอะไรบ้าง และทำให้ปัญหาความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ลดปริมาณครั้งลงมา เพราะมันไม่มีตัวเลขไหนที่จะนับได้ อันนี้คือสิ่งที่นับเนื่องเป็นรูปธรรมที่สุด 

แต่พอพ้นจากรัฐบาลท่านชวน มาเป็นรัฐบาลชุดต่อมา ความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ครุกรุ่นขึ้นอีกครั้งหนึ่ง เพราะอะไร ก็เพราะนโยบายที่ท่านคงเคยได้ยิน กำปั้นเหล็ก ใช้ความรุนแรงเข้ามาแก้ปัญหา สุดท้ายกลายเป็นการสร้างปัญหา มีการฆ่าตัดตอน ตายไป 2-3,000 คน พี่น้องคงจำได้ กรณีกรือเซะ กรณีตากใบ ที่เป็นบาดแผลสำคัญแห่งหัวใจของพี่น้องมุสลิมจังหวัดชายแดนภาคใต้ ยังฝังลึกอยู่จนถึงวันนี้ นี่คือสิ่งที่ผมคิดว่าพี่น้องคงนึกภาพออก ผมแค่มาทวนให้เห็นว่าสิ่งที่เราทำนั้น ล้วนแต่ทำในสิ่งที่สร้างสรรค์ แก้ปัญหาให้กับพี่น้องประชาชนชาวจังหวัดชายแดนภาคใต้

มาถึงยุคท่านอภิสิทธิ์ ผมเป็นรัฐมนตรีศึกษา เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข พี่น้องคงจำได้ สิ่งแรกที่ผมทำให้กับคนจังหวัดชายแดนภาคใต้ในเรื่องการพัฒนาก็คือ เรื่องการศึกษา เพราะยะลา นราธิวาส ปัตตานี ตัวเลขผลทดสอบเด็กมัธยม โอเน็ต ต่ำที่สุดในประเทศ ไม่ใช่ความผิดของพวกลูกหลานเรา แต่เป็นหน้าที่ของคนที่มาเป็นรัฐบาล ที่จะต้องเข้าไปช่วยบริหารจัดการแก้ปัญหา เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ ที่มีการจัดตั้งคณะกรรมการบริหารการศึกษาจังหวัดชายแดนใต้ขึ้นมาเป็นการเฉพาะ โดยมีคนระดับรองปลัดกระทรวงศึกษาธิการเข้ามาขับเคลื่อนดูแล คนที่ตั้งคณะกรรมการชุดนี้ขึ้นมา ชื่อ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ ยืนอยู่ตรงนี้นะพี่น้อง

ผมเข้ามาเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ สิ่งแรกที่ต้องเผชิญก็คือ การที่ผู้บริหารก่อนหน้ายกเลิกสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาเอกชน หรือที่เรียกว่า ศช. ผู้อำนวยการสำนักงานเอกชน จังหวัดยะลา ไม่มี ผู้อำนวยการสำนักงานการศึกษาเอกชน ปัตตานี ถูกยกเลิก นราธิวาส หายไป ทำให้เกิดผลในการที่ทำให้โรงเรียนเอกชนสอนศาสนาอิสลาม ขาดหน่วยงานภาครัฐที่เข้ามารับผิดชอบดูแลโดยตรง แต่ทันทีที่ผมเข้ามา ผมได้มีโอกาสพบกับผู้บริหาร นักเรียน ผู้ปกครอง โรงเรียนสอนศาสนาอิสลาม แล้วเรารู้ว่า ทางแก้ที่ง่ายที่สุด ชัดเจนที่สุด และตรงกับความต้องการที่สุดคือการฟื้นเอาผู้อำนวยการสำนักงานการศึกษาเอกชนจังหวัดชายแดนภาคใต้กลับมา แล้วก็ทันทีภายในเวลาไม่กี่เดือน เรามีผู้อำนวยการการศึกษาเอกชนเพื่อสนับสนุนโรงเรียนสอนศาสนาอิสลามเกิดขึ้นในจังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ ที่ยืนอยู่ตรงนี้ แล้วก็เกิดนับเนื่องมาจนกระทั่งถึงวันนี้ นี่คือสิ่งที่ขออนุญาตที่จะกราบเรียนให้พี่น้องได้พอทบทวนความหลังให้เห็นว่านายจุรินทร์ อย่างน้อยที่สุดหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์วันนี้ และบุคลากรตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันของประชาธิปัตย์ ผูกพัน ทำงานร่วมกับพี่น้องมาตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา

เมื่อผมไปเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข พี่น้องคงจำได้ พี่น้องจำพยาบาล ลูกหลานของพี่น้องได้มั้ยครับ 3,000 กว่าคน นับเนื่องมาจากท่านสุรยุทธ์ จุลานนท์ ประธานองคมนตรีปัจจุบัน ท่านได้กรุณาเริ่มต้นโครงการพยาบาลจังหวัดชายแดนใต้ เอาลูกหลานของพี่น้องไปเรียนพยาบาล แล้วก็ดำเนินการเพื่อหวังว่าวันหนึ่งจะส่งกลับไปดูแลสุขภาพอนามัยพี่น้องจังหวัดชายแดนใต้โดยเฉพาะ แต่รัฐบาลของท่านมีเวลาจำกัด คนที่มาต่อยอด แล้วก็บรรจุพยาบาล 3,000 กว่าอัตรา ลูกหลานพี่น้องลงมารับผิดชอบดูแลสุขภาพของพี่น้องในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ชื่อ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ กับ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ นายกรัฐมนตรี นี่คือสิ่งที่ขออนุญาตที่จะกราบเรียน ทวนความหลังว่า ทำไมผมถึงเกริ่นกับพี่น้องว่า เราผูกพันกันมาเนิ่นนาน 

มาถึงรัฐบาลนี้ ผมเป็นรองนายกรัฐมนตรี รัฐบาลนี้มีรัฐมนตรีประชาธิปัตย์ คือ 1. ผม 2. ท่านเฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตร 3. คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช 4. คุณสาธิต ปิตุเตชะ 5. ท่านจุติ ไกรฤกษ์ รัฐมนตรี พม. 6. ท่านสินิตย์ เลิศไกร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ และคนสำคัญอีกคนหนึ่งเป็นรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เป็นอดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ชื่อนิพนธ์ บุญญามณี ยืนอยู่ตรงนี้ ผมพูดถึงท่านนิพนธ์ บุญญามณี เพื่อต้องการที่จะกราบเรียนกับท่านทั้งหลายเพิ่มเติมว่า ปัญหาอีกอันหนึ่งของจังหวัดชายแดนใต้ ก็คือ ที่ดินทำกินของเกษตรกร ไม่ว่าจะเป็นพุทธ หรือคนมุสลิม เรารอคอยโฉนด ทั้งที่เรามีสิทธิ์ที่จะได้รับโฉนด เพราะที่ดินทำกินนั้นเป็นของบรรพบุรุษของเรามาก่อนเนิ่นนาน และเราเข้าไปครอบครองทำกินโดยความชอบธรรม แต่โฉนดมันมาไม่ถึงสักที มีแปลงที่ดินที่ควรจะได้รับโฉนดประมาณ 2 แสนแปลง ทั้งจังหวัดชายแดนใต้ วันนี้ท่านนิพนธ์ บุญญามณี เป็นรัฐมนตรีมา 3 ปี สามารถขับเคลื่อนผลักดันจนออกโฉนดให้พี่น้องได้ไปแล้ว 6 หมื่นแปลงด้วยกัน 30 กว่าเปอร์เซนต์ของพื้นที่ทั้งหมด ผมกำลังบอกพี่น้องว่า ถ้าเรามีโอกาสเป็นรัฐบาลต่อไป เราจะขับเคลื่อนเรื่องนี้ต่อ ทำให้พี่น้องได้รับโฉนดให้ครบ 2 แสนแปลงในที่สุดต่อไปในอนาคต เพราะที่ดินทำกินคือชีวิต คือหัวใจของเกษตรกร และพวกเราทุกคนในที่นี้ ก็ขออนุญาตที่จะเรียนให้พี่น้องพอเห็นภาพ 

อนาคตของจังหวัดชายแดนภาคใต้ ผมคิดว่ามาถึงวันนี้ ปัญหาความมั่นคงยังมีอยู่หรือไม่ – มีครับ แต่มีปัญหาที่ใหญ่กว่าความมั่นคงหรือไม่ในสถานการณ์วันนี้ และวันพรุ่งนี้ และในอนาคต – มีเหมือนกัน และสิ่งที่ยิ่งใหญ่กว่าปัญหาความมั่นคงวันนี้คือ ชีวิตความเป็นอยู่ ปากท้องของพี่น้องประชาชนชาวจังหวัดชายแดนภาคใต้ การพัฒนาจึงเป็นสิ่งที่มีความสำคัญอย่างยิ่ง ถ้าถามว่าแล้ววันนี้ประชาธิปัตย์มีนโยบายอะไร ที่จะมาขับเคลื่อนจังหวัดชายแดนภาคใต้ให้เดินหน้าไปสู่ความเจริญรุ่งเรืองต่อไป ผมพูดชัดเจน เคยพูดมาก่อนหน้านี้แล้ว ต่อไปนี้ นโยบายจังหวัดชายแดนภาคใต้ต้องเป็นนโยบาย “พัฒนานำปืน” เพราะพัฒนาคือหัวใจ และการพัฒนาต้องทำในหลายมิติ ทั้งเรื่องการก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานสำหรับจังหวัดชายแดนภาคใต้ ทั้งในเรื่องของการดำเนินการทุกเรื่อง อาชีพพี่น้องเป็นเรื่องสำคัญ วันนี้พวกเราอยากเห็นพี่น้องมีอาชีพ มีอนาคตที่ตรงกับความต้องการของตลาด และจังหวัดชายแดนภาคใต้ไม่ได้มีศักยภาพเฉพาะการประกอบอาชีพ นำสินค้าออกมาขายในประเทศไทยเท่านั้น แต่ผมมั่นใจว่าพวกเราทุกคนมีศักยภาพที่จะผลิตสินค้า บริการ สามารถส่งไปขายตลาดโลกได้ 

ที่ผมพูดนี้ไม่ได้เพ้อเจ้อ แล้วก็ไม่ได้เพ้อฝัน ผมมาร่วมประชุมกับ ศอ.บต. หลายครั้ง และสิ่งที่ผมสั่งการไปก็คือว่า ทุเรียน ลองกอง มังคุด จะเป็นอนาคตของจังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยเฉพาะทุเรียน ตลาดโลกพร้อมที่จะรองรับ กว้างใหญ่ไพศาล ผมจึงสั่งการให้ผู้อำนวยการ ศอ.บต. ได้สำรวจพื้นที่ว่าจังหวัดชายแดนภาคใต้ มีพื้นที่ลาดชัน เพราะทุเรียนชอบพื้นที่ลาดชัน ไม่ชอบน้ำขัง ทำยังไงให้มีพื้นที่ชัดเจนว่าตรงไหนเท่าไหร่ สำรวจเสร็จแล้ว ผอ. บอกว่ามีพื้นที่ที่เหมาะจะทำการปลูกทุเรียน 2 แสนไร่ในจังหวัดชายแดนภาคใต้ และเราต้องพร้อมที่จะช่วยสนับสนุนให้พี่น้องได้มีโอกาส ตลาดมีมั้ย ผมยืนยัน – มีครับ ตลาดใหญ่ที่สุดที่รองรับทุเรียนจากประเทศไทยคือตลาดจีน ผมพาคณะเดินทางไปเปิดตลาดที่นั่นประสบความสำเร็จมาแล้ว และเมื่อวานขออนุญาตรายงานให้ท่านได้รับทราบ ผมเข้าร่วมประชุมเต็มคณะกับท่านนายกรัฐมนตรี และประธานาธิบดี สี จิ้นผิง ของจีนที่ทำเนียบรัฐบาล ช่วงบ่ายครับ ก่อนบินมานี่ มานอนที่หาดใหญ่เมื่อคืนแล้วก็มานี่ที่ยะลา สิ่งหนึ่งที่ประธานาธิบดี สี จิ้นผิง ได้หยิบยกขึ้นมาพูดกับพวกเราในนั้นก็คือ จีน พร้อมที่จะช่วยสนับสนุนทุเรียน และผลไม้จากประเทศไทย รวมทั้งจังหวัดชายแดนใต้ของเราด้วย ถ้าเรามีผลผลิตที่ดี คุณภาพครับ 

นี่คือสิ่งที่อยากให้พวกเราเห็น ธนาคารปู ศอ.บต. เขาริเริ่มดำเนินการแล้ว ก็เป็นสิ่งที่เป็นประโยชน์อย่างยิ่งให้พี่น้องเดินหน้าต่อไป ที่สำคัญ ปศุสัตว์ ผมไปซาอุดิอาระเบีย นำคณะเอกชนไปขายสินค้าให้ซาอุดิอาระเบีย ไปเที่ยวเดียวกลับมา ขายของได้ 13,500 ล้านบาท นี่คือสิ่งที่อยากให้พี่น้องเห็นภาพ หัวใจสำคัญอันหนึ่งที่ผมเจรจา แล้วซาอุฯ เขาบอกว่าเขาพร้อมที่จะซื้อสินค้านี้จากไทยก็คือ สินค้าปศุสัตว์ ไม่ว่าจะเป็นวัว แพะ หรือไก่ วันนี้ไก่ เราประสบความสำเร็จแล้วครับ เพราะเราเจรจามานาน อินโดฯ อนุญาตให้เราส่งออกไก่ไปแค่ทั้งตัว แต่ถ้าตัดเป็นปี ถ้าตัดเป็นน่อง ถ้าตัดเป็นสะโพก ไม่อนุญาต แต่วันนี้หลังจากเดินทางไปเจรจา ซาอุดิอาระเบีย อนุญาตให้เราส่งชิ้นส่วนไก่ไปได้แล้ว นั่นแปลว่าตลาดจะใหญ่มาก และสำคัญตัวเลขส่งออกไก่ที่ใหญ่ที่สุดคือ ไก่ต้มสุก วันนี้ 11 ต.ค. ที่ผ่านมา ซาอุดิอาระเบีย อนุญาตให้ประเทศไทย ส่งออกไก่ต้มสุกไปยังซาอุดิอาระเบียได้แล้ว ซึ่งนั่นหมายถึงจะเป็นประตูไปสู่ตะวันออกกลางประเทศอื่นๆ ด้วย 

และทั้งหมดนี้ต้องมีอะไรครับ ต้องมีตราฮาลาลรับรอง เพราะเขาเป็นประเทศมุสลิม และเขาพร้อมที่จะร่วมมือกับประเทศไทยในการเดินทางมารับรอง ขอให้พี่น้องเริ่มต้น ขอให้พี่น้องนับหนึ่ง สร้างสินค้าปศุสัตว์ที่มีคุณภาพ พี่น้องมีอนาคต แม้แต่ไก่ไข่ พี่น้องทราบมั้ยวันนี้ ทำไมไข่จังหวัดชายแดนภาคใต้มันแพงกว่าภาคอื่น เพราะจังหวัดชายแดนภาคใต้เป็นกลุ่มจังหวัดเดียวที่มีการเลี้ยงไก่ไข่น้อยมาก ต้องบริโภคไข่จากภูมิภาคอื่นๆ ส่งเข้ามา มันถึงบวกค่าขนส่ง แล้วก็ทำให้แพงขึ้นกว่าตลาดทั่วไป แต่วันหนึ่งถ้าเรามาส่งเสริมสนับสนุน พี่น้องมีโอกาสเลี้ยงไก่ไข่มากขึ้น มีตลาดพร้อมสำหรับจังหวัดชายแดนภาคใต้ของเรา และยังส่งออกไปยังมาเลเซียได้ต่อไปด้วย นี่คือสิ่งที่อยากให้พี่น้องเห็นอนาคตว่า ประชาธิปัตย์คิดถึงพวกเรา และคิดในเชิงพัฒนา รวมทั้งคิดแก้ปัญหาปากท้องให้พี่น้องประชาชน

ที่สำคัญอีกอันหนึ่ง ประมงครับ วันนี้เราเหลือแต่ประมงพื้นบ้าน ประมงพาณิชย์ ที่ช่วยให้พี่น้องมีงานทำ ที่ช่วยให้เศรษฐกิจจังหวัดชายแดนขับเคลื่อน เกือบจะเรียกว่าเป็นศูนย์ ถ้าประชาธิปัตย์กลับมา มีโอกาสขับเคลื่อนดูแลเรื่องประมง ดูแลเรื่องคณะกรรมการประมงแห่งชาติ เราจะฟื้นประมงพาณิชย์ให้อยู่คู่กับประมงพื้นบ้านเพื่อฟื้นชีวิตจังหวัดชายแดนภาคใต้ให้ได้ต่อไป ภายใต้นโยบายที่เรามุ่งเน้นเรื่องการพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ อันนี้คือสิ่งที่ขออนุญาตเรียนกับพี่น้องสั้นๆ นะครับ ให้ได้พอเห็นภาพ เหมือนกับท่านนิพนธ์ เคยมาพูด บอกว่า ถัดจากนี้ไป จังหวัดชายแดนภาคใต้มีศักยภาพที่สามารถเป็นแหล่งในการสร้างความมั่นคงทางอาหารของประเทศ และของโลกต่อไปได้ในอนาคต นี่คือความฝันหรือความหวัง และโลกความเป็นจริงที่มันเกิดขึ้นได้ภายใต้นโยบายประชาธิปัตย์ ที่ขออนุญาตกราบเรียนกับพี่น้อง

สำหรับพี่น้องชาวมุสลิม ขออนุญาตเรียนเพิ่มเติมนิดนึงครับว่า มุสลิม กับประชาธิปัตย์ ผูกพันกันมาเนิ่นนาน พี่น้องทราบมั้ยครับ อดีตจุฬาราชมนตรีคนหนึ่ง เคยเป็นผู้แทนราษฎร พรรคประชาธิปัตย์ 2 สมัย ถ้าผมบอกชื่อท่านคงย้อนไปนึกชื่อได้ เพื่อบอกว่า เราผูกพันแนบแน่นเป็นเนื้อเดียวกัน คนๆ นั้นคือท่านสวาสดิ์ สุมาลยศักดิ์ ครับพี่น้องครับ อดีตจุฬาราชมนตรี พี่น้องปรบมือให้เกียรติท่าน 

ถัดมาจากนั้น เรามีผู้แทนราษฎรคนหนึ่ง พี่น้องคงลืมไปแล้ว จากจังหวัดนราธิวาส ชื่อท่าน ส.ส. สิดดิก สารีฟ ส.ส.นราธิวาสคนนั้นมีโอกาสได้รับการสนับสนุนจากพรรคประชาธิปัตย์ ให้ขึ้นมาเป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการยุคท่าน ม.ร.ว.เสนีย์ ปราโมช เป็นนายกรัฐมนตรี และต่อมา มีพี่น้องมุสลิมหลายคนครับ ที่มีชื่อเสียง เข้ามามีบทบาทในการขับเคลื่อนพรรคประชาธิปัตย์ รับใช้พี่น้อง ท่านเล็ก นานา พี่น้องคงจำได้ เป็นอดีตเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ เคยเป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงต่างประเทศ แล้วก็เคยเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์ ที่ทำการพรรคประชาธิปัตย์สำนักงานใหญ่ที่ถนนสามเสนวันนี้ เป็นที่ดินของนายเล็ก นานา มาก่อน แล้วท่านอนุเคราะห์ให้เราใช้ 

นี่คือมุสลิมกับประชาธิปัตย์ ซึ่งผมจำเป็นต้องนำมาฟื้นให้พี่น้องจังหวัดชายแดนภาคใต้ได้พอเห็นภาพ ว่าเราไม่ใช่ใครอื่น ดร.สุรินทร์ พิศสุวรรณ พี่น้องจำได้ใช่มั้ยครับ นักการเมืองที่มีชื่อเสียงคนหนึ่งของพรรคประชาธิปัตย์ ของประเทศ และของภูมิภาค เคยเป็นอดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงต่างประเทศ เคยเป็นอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศในรัฐบาลชวน 2 คู่กับผม ผมเป็นรัฐมนตรีประจำสำนัก เป็นรัฐมนตรีกีฬา เป็นรัฐมนตรีท่องเที่ยวในยุคนั้น ดร.สุรินทร์ สร้างชื่อเสียง และสร้างความภาคภูมิใจให้พี่น้องชาวมุสลิมมาก ตั้งแต่เวลานั้นจนวันนี้ แล้วสุดท้ายไปเป็นเลขาธิการอาเซียน เสียดายท่านจากเราไปเสียก่อน ไม่อย่างนั้นวันนี้บุคคลท่านนี้จะมีโอกาสเข้ามารับใช้ประเทศ ภูมิภาค และอาจจะไปไกลถึงรับใช้โลกทั้งใบด้วย นี่คือประชาธิปัตย์กับพี่น้องชาวมุสลิม และคนสุดท้ายที่ขออนุญาตที่จะเรียนกับพี่น้อง ท่านนิพนธ์ บุญญามณี ลาออกจากรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ด้วยเหตุผลกลใดก็ไม่ต้องอธิบาย แต่ไม่ใช่เรื่องทุจริตก็แล้วกัน แต่เมื่อท่านเสียสละลาออก แล้ววันนี้มาเป็นผู้อำนวยการการเลือกตั้งพรรคประชาธิปัตย์ เรามีมติพรรคตั้งคนมาเป็นรัฐมนตรีช่วยมหาดไทยแทนแล้วครับ คนๆ นี้เป็น ส.ส. พัทลุง 5 สมัย ที่สำคัญ เป็นมุสลิมเหมือนพี่น้องจำนวนไม่น้อยในที่นี้ นริศ ขำนุรักษ์ ครับ 

เพราะฉะนั้นนี่คือสิ่งที่ขออนุญาตที่จะเรียนกับพี่น้องให้เห็นภาพ และผมก็ขออนุญาตที่จะยืนยันกับพี่น้องว่า เราพร้อมที่จะอยู่ร่วมกับพี่น้องจังหวัดชายแดนภาคใต้ แล้วก็จับมือกับทุกคนในการเดินหน้าพาพี่น้องไปสู่ความสงบ แล้วก็ความสุขต่อไปในอนาคต แม้แต่ไทยพุทธ ก็เหมือนกัน เราไม่ได้ทิ้ง ไม่ได้แยกศาสนา เราต้องการให้ทุกคนอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข นโยบายประกันรายได้ไม่แยกพุทธ – มุสลิม ใครเป็นเกษตรกร เมื่อราคายางดี ราคาปาล์มดี ราคาข้าวดี พี่น้องเอาเงินไปทั้งหมด แต่ภายใต้นโยบายประชาธิปัตย์ถ้าวันไหนราคาตกต่ำ เรามีเงินชดเชยให้ที่เรียกว่าเงินส่วนต่าง ไม่แยกพุทธ ไม่แยกมุสลิม ได้ทุกคน เพราะนี่คือสิ่งที่ประชาธิปัตย์ตั้งใจดูแลพี่น้องจังหวัดชายแดนใต้ คนใต้ทั้งประเทศ และคนไทยทั้งประเทศ คือสิ่งที่อยากจะขออนุญาตที่จะเรียนกับพี่น้องในช่วงเวลาสั้นๆ เพราะโอกาสที่จะคุยกับพวกเราพร้อมๆ กันในส่วนสมาชิกพรรคก็ไม่มากนักสำหรับในเวทีที่จังหวัดยะลานี้ 

ผู้สมัครข้างหลังทั้งหมด นี่คือว่าที่ผู้สมัครจังหวัดชายแดนใต้ของพรรคประชาธิปัตย์เที่ยวนี้ ผมไม่แนะนำตัวแล้วครับ แต่ว่าทั้งหมดนี้เป็นปัตตานี 4 คน เป็นยะลา 3 คน แล้วก็เป็นนราธิวาส 5 คน รวมทั้งหมดเที่ยวหน้าจะมีที่นั่ง ส.ส. 12 ที่นั่งใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ทุกคนคุณภาพคับแก้ว เคยเป็นทั้งนักการเมืองท้องถิ่นก็มี เป็นพุทธก็มี เป็นมุสลิมก็มี คละเคล้ากันไป เพราะจังหวัดชายแดนภาคใต้จุดเด่นคือพหุวัฒนธรรมที่เราอยู่ร่วมกันได้อย่างมีความสุข เป็นนักการเมืองระดับชาติมาแล้วก็มี เป็น ส.ส. มา 2 สมัยก็มี อย่างณรงค์ ดูดิง เป็น ส.ส. 5 สมัยมาแล้วก็มี อย่างเจะอามิง โตะตาหยง เป็นคนรุ่นใหม่ก็หลายคนที่มาลงสมัครรับเลือกตั้ง มีนักร้องที่มีชื่อเสียง ไม่ใช่แค่ร้องเพลงเก่ง ไม่ใช่แค่ร้องเพลงเป็น แต่ว่าเขาคือคนที่จบวิชาการเมืองมา และพร้อมที่จะลงสมัครรับเลือกตั้ง รับใช้พี่น้องจังหวัดชายแดนภาคใต้ เมธี อรุณ ลาบานูน และคนนี้ก็จะเป็นอนาคตของประชาธิปัตย์ เป็นอนาคตของพี่น้องจังหวัดชายแดนใต้ต่อไป พี่น้องจับตาดูไว้ 

ทุกคน ผมไม่แนะนำสรุปอีกแล้ว ขออภัยหลายท่านที่ไม่ได้เอ่ยชื่อนะครับ เพราะว่าโฆษกได้แนะนำไปทั้งหมดแล้ว แต่ทั้งหมดนี้คือสิ่งที่ขออนุญาตเรียนกับท่านทั้งหลายว่า จังหวัดชายแดนภาคใต้คราวที่แล้ว เราได้ที่นั่งเดียว แต่ครั้งหน้า ผมมั่นใจว่าเราได้มากขึ้น และสิ่งนึงที่ขอยืนยันร่วมกับเลขาธิการพรรค ร่วมกับท่านนิพนธ์ บุญญามณี รองหัวหน้าพรรคผู้รับผิดชอบจังหวัดชายแดนภาคใต้ว่า เลือกตั้งครั้งหน้าประชาธิปัตย์สู้ทุกเขตครับพี่น้องครับ และเราเชื่อว่าทุกคนบนที่นี้มีโอกาสปักธงประชาธิปัตย์ในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ผมขอรบกวนเวลาพี่น้องเท่านี้นะครับ แล้วก็เสร็จจากงานนี้แล้วก็ขอให้พี่น้องเดินทางกลับโดยสวัสดิภาพ พี่น้องอย่าทิ้งพวกเรา และขณะเดียวกันผมเรียนว่า พวกเราประชาธิปัตย์ไม่เคยทิ้งพี่น้องจังหวัดชายแดนภาคใต้ เพราะประชาธิปัตย์คือพรรคของเรา เราคือจังหวัดชายแดนภาคใต้ ผู้สมัครทุกคนก็เป็นคนของเรา เราก็คือพี่น้องจังหวัดชายแดนภาคใต้ วันนี้ผมจึงพา 12 พรรคของเราและคนของเรามาคารวะพี่น้องและขอหัวใจสนับสนุนจากพี่น้องชายแดนใต้ทุกคน ขอบคุณครับ สวัสดีครับ