
ปชป.โชว์!!! เปิดตัวผู้สมัคร 33 เขต กทม.คึกคัก “จุรินทร์” ย้ำอุดมการณ์ไม่เคยเปลี่ยน ชู 3 จุดยืน นำพรรคเป็นสถาบันการเมืองที่ยั่งยืนตราบชั่วลูกหลาน ทำประชาธิปไตยสุจริต- ท้องอิ่ม สนับสนุนแก้รธน.ทั้งฉบับ ไม่แตะหมวดสถาบันกษัตริย์ ไม่แก้ม.112 ประกาศ ล้าง ”ธนกิจการเมือง”
6 มี.ค. 2566
เวลา 16.30 น.
นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทวงพาณิชย์ ได้กล่าวในงาน เปิดตัว 33 ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. กทม. พรรคประชาธิปัตย์ ภายใต้งาน “ประชาธิปัตย์ = ประชาชน DEM FOR ALL” ที่อาคารกีฬาเวสน์ 2 ศูนย์เยาวชนกรุงเทพมหานคร (ไทย-ญี่ปุ่น) ว่า
สวัสดีครับพี่น้องชาวกรุงเทพมหานครที่เคารพรักทุกท่านครับ สวัสดีครับทุกท่านครับ ใครเอารถเมล์มาวิ่งที่นี่ครับ ระวังรถชนนะครับ เมื่อวาน 2-3 วันที่แล้ว ผมไปปราศรัยใหญ่ที่สงขลา ที่หาดใหญ่มา ที่พัทลุงมา แล้วก็เมื่อคืนล่าสุดปราศรัยใหญ่ที่ปัตตานีมา ที่หาดใหญ่คนที่มาฟังปราศรัยประชาธิปัตย์มีไม่ต่ำกว่า 40,000 คน ครับพี่น้องครับ แล้วก็ที่พัทลุง มีคนมาฟังปราศรัยไม่ต่ำกว่า 30,000 คน เมื่อวานปัตตานี กกต. เพิ่งประกาศว่า ปักษ์ใต้ มี ส.ส. เพิ่มขึ้น 2 เขต จาก 58 เป็น 60 คือ เพิ่มที่นครศรีธรรมราช 1 เขต และเพิ่มที่ปัตตานี 1 เขต จาก 4 เขต เป็น 5 เขต ประชาธิปัตย์เป็นพรรคการเมืองแรกที่พร้อมและเปิดตัวเสร็จเรียบร้อยแล้ว 5 เขต วันนี้มากรุงเทพมหานครพี่น้องคงเห็นแล้ว ว่าประชาธิปัตย์เป็นอีกพรรคการเมืองหนึ่งที่พร้อม และเปิดตัวเสร็จสิ้นไปแล้วเมื่อสักครู่ 33 คน 33 เขต
ตั้งใจมาวันนี้ เพื่อที่จะมาขอบคุณพี่น้องชาวกรุงเทพมหานครที่ไม่เคยทิ้งพรรคประชาธิปัตย์ เพราะเหตุว่านับตั้งแต่วันที่ก่อตั้งพรรค 6 เมษายน 2489 คนกรุงเทพฯ นอกจาก นับตั้งแต่ 6 เมษายน 2489 นอกจาก ส.ส. เหนือ ส.ส. อีสาน ส.ส. กลาง ส.ส.ใต้ มี ส.ส. พระนคร และจังหวัดธนบุรี เป็นผู้ร่วมก่อตั้งพรรคประชาธิปัตย์ ส.ส. ที่ว่ามีทั้ง นายควง อภัยวงศ์ มีทั้ง ม.ร.ว.เสนีย์ปราโมช มีทั้งนายโชติ คุ้มพันธ์ และมีทั้งนายสอ เสถบุตร ส.ส. ธนบุรี ที่มาร่วมกันก่อตั้งพรรคประชาธิปัตย์ เพราะฉะนั้นประชาธิปัตย์กับคนกรุงเทพมหานคร จึงเป็นสายเลือดเดียวกัน
ประชาธิปัตย์มาจนถึงวันนี้อายุ 77 ปี มีหัวหน้าพรรคมาแล้ว จนถึง นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รวม 8 คนด้วยกัน ในบรรดาหัวหน้าพรรค 8 คน เป็นคนกรุงเทพมหานคร 4 คน 1. ม.ร.ว.เสนีย์ ปราโมช 2.พันเอกพิเศษ ถนัด คอมันต์ 3. นายพิชัย รัตตกุล 4. นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นับตั้งแต่ปี 2518 ไม่ต้องย้อนไปไกล มีการเลือกตั้งใหญ่มาแล้ว 15 ครั้ง ไม่มีครั้งไหนที่ประชาธิปัตย์ไม่มี ส.ส. ในกรุงเทพฯเลยแม้แต่ครั้งเดียว ยกเว้นคราวที่แล้ว ประชาธิปัตย์ไม่มีผู้แทนราษฎรในกรุงเทพมหานครเลย แต่นั่น ไม่ได้แปลว่าคนกรุงเทพฯ ทิ้งประชาธิปัตย์ เพราะถ้าไปดูคะแนนที่คนกรุงเทพฯ เลือกประชาธิปัตย์ รวมกันในการเลือกตั้งปี 62 ที่ผ่านมา ปรากฏว่าคนกรุงเทพฯ พร้อมใจกันลงคะแนนให้พรรคประชาธิปัตย์ถึง 478,820 คะแนน
และที่สำคัญ ล่าสุดพี่น้องคงจำได้ การเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร แม้ว่าพรรคประชาธิปัตย์จะไม่ได้รับการเลือกตั้งเป็นผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร แต่ผู้สมัครของพรรคประชาธิปัตย์ ดร.เอ้ สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ ได้ลำดับ 2 และ สก. ของพรรคประชาธิปัตย์ได้รับเลือกตั้งจากพี่น้องชาวกรุงเทพมหานครได้ถึง 9 คนด้วยกัน และอีก 7 คน มาลำดับที่ 2 นั่นแปลว่าคนกรุงเทพมหานครไม่คิดจะทิ้งพรรคประชาธิปัตย์ และมาถึงวันนี้ ผมลงพื้นที่ร่วมกับผู้สมัครของพรรคต่อเนื่องตลอดระยะเวลา 2-3 ปีที่ผ่านมา หลายคนวิ่งมาพบ หลายคนวิ่งมากอด หลายคนวิ่งมาเจอ แล้วก็บอกกับผมว่า ขอโทษด้วย คราวที่แล้วไม่ได้เลือกประชาธิปัตย์ แต่เที่ยวหน้าจะเลือกประชาธิปัตย์แน่นอน
นั่นแปลว่าจิตวิญญาณประชาธิปัตย์ของคนกรุงเทพมหานคร กำลังย้อนกลับคืนมา เช่นเดียวกับคนในหลายภาคทั่วประเทศ พี่น้องเห็นมั้ยครับ เลือกตั้งซ่อม 3 ครั้งหลังสุดที่ผ่านมา 1. เลือกตั้งซ่อมที่จังหวัดสงขลา เขต 6 ประชาธิปัตย์ได้รับชัยชนะ สงขลาเขต 6 เลือกตั้งซ่อมที่เขต 1 จังหวัดชุมพร ประชาธิปัตย์มาเป็นลำดับ 1 ของจังหวัดชุมพร และเลือกตั้งซ่อมครั้งสุดท้ายล่าสุด เลือกตั้งซ่อมที่จังหวัดราชบุรี ประชาธิปัตย์ก็ได้รับเลือกตั้งเช่นเดียวกัน
ทั้งหมดนี้ผมกราบเรียนกับพี่น้องเพื่อจะบอกว่าเสียงตอบรับประชาธิปัตย์ดีขึ้นเป็นลำดับ และขออนุญาตกราบเรียนกับพี่น้องว่าโดยเฉพาะกับพี่น้องชาวกรุงเทพมหานคร ประชาธิปัตย์ให้ความสำคัญกับคนกรุงเทพฯ เสมอ เพราะนอกจากกรุงเทพมหานครคือเมืองหลวงของประเทศไทยแล้ว สำคัญที่สุดกรุงเทพมหานคร คือลมหายใจของพวกเราชาวประชาธิปัตย์ทุกคน ประชาธิปัตย์จึงไม่เคยทิ้งคนกรุงเทพฯ และผมมั่นใจ ต่อไปคนกรุงเทพฯ ก็ไม่ทิ้งประชาธิปัตย์ นี่คือสิ่งที่ ทำไมผมต้องมาวันนี้ มาเพื่อขอบคุณสำหรับทุกสิ่งทุกอย่าง ที่คนกรุงเทพมหานครเคยให้กับพวกเรานับเนื่องยาวนาน ตั้งแต่อดีตมาจนถึงปัจจุบันวันนี้ ด้วยหัวใจคารวะอย่างแท้จริง
วันนี้ ขอบอกกับพี่น้องครับ ประชาธิปัตย์พร้อม สำหรับคนกรุงเทพฯ พร้อมที่สุดยุคหนึ่งในประวัติศาสตร์การเลือกตั้งที่กำลังจะมาถึง พร้อมทั้งคน พร้อมทั้งนโยบาย และพร้อมที่จะประกาศจุดยืนทางการเมืองของประชาธิปัตย์ พรรคการเมืองที่ยั่งยืนที่สุดของประเทศ ที่จะรับใช้คนกรุงเทพมหานคร สำหรับนโยบายวันนี้คงไม่พูด เพราะประชาธิปัตย์เตรียมนโยบายเฉพาะกรุงเทพมหานครไว้เสร็จแล้ว แต่จะรอจังหวะเวลาที่เหมาะสม จะประกาศกับพี่น้องชาวกรุงเทพมหานครต่อไป แต่วันนี้ อย่างน้อยที่สุด ประชาธิปัตย์แสดงความพร้อม 33 คน 33 เขต ประกาศเดินหน้าลงพื้นที่ต่อเนื่องจากที่เดินมาแล้ว 3-4 ปี จนกระทั่งถึงวันเลือกตั้ง และในจำนวนผู้สมัครที่ประกาศเมื่อสักครู่ 33 คน ผมเรียนกับพี่น้องว่าคุณภาพ ศักยภาพพร้อม มาตรฐานประชาธิปัตย์ และได้มาตรฐานคนกรุงเทพมหานครล้านเปอร์เซ็นต์ทุกคน
33 คนที่ว่าเป็นนักการเมืองรุ่นใหม่ที่ก้าวเข้าสู่การเมืองยุคใหม่เป็นครั้งแรก ใครที่บอกว่าประชาธิปัตย์ไม่มีเลือดไหลเข้าอย่างน้อย 14 ถัง 14 คน นี่เลือดใหม่ที่เดินเข้าประชาธิปัตย์หมด รวมทั้งหมดจาก 33 มี 14 คน และในจำนวนนี้ ประชาธิปัตย์กำลังพากรุงเทพฯ เดินเข้าสู่การเมืองยุคใหม่ การเมืองยุคใหม่คืออะไร การเมืองยุคใหม่คือการเมืองที่ต้องให้โอกาสสตรี 33 คนที่ประกาศตัวไปเมื่อกี้ เป็นสตรีรวมกันแล้วถึง 9 คน ด้วยกันพี่น้องครับ ที่สำคัญผู้สมัครทั้งหมดหลากหลายสาขาที่จะทำหน้าที่เป็นตัวแทนของคนกรุงเทพมหานคร 1 ที่ผมนั่งจดมาเรียนนี้ เป็นอดีตผู้แทนราษฎรก็มีหลายคน เป็นอดีตสมาชิกสภากรุงเทพมหานครก็หลายคน มาจากภาคธุรกิจก็หลายคน มาจากภาคราชการก็หลายคน มาจากภาควิชาการก็หลายคน มาจากนักบินก็อย่างน้อย 3 คน แม้แต่มือปืนก็มี แต่เป็นมือปืนทีมชาติไทยที่สะท้อนประชาธิปัตย์ให้โอกาสแม้แต่นักกีฬา ในการที่จะเข้ามาทำหน้าที่เป็นผู้แทนราษฎรคุณภาพของคนทั้งประเทศ ทีมกรุงเทพก็พร้อมที่จะผลักดันการเลือกตั้งรับใช้พี่น้องชาวกรุงเทพฯ ครั้งนี้
นับตั้งแต่ 1 นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ที่จะมาช่วยขับเคลื่อนกรุงเทพฯ 2. นายเฉลิมชัย ศรีอ่อนเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ 3. นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รองหัวหน้าพรรค กรุงเทพมหานคร 4. ดร.เอ้ สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ ที่จะมาเป็นกำลังสำคัญอีกคนหนึ่ง 5. มาดามเดียร์ วทันยา บุนนาค นี่ก็จะเป็นกำลังสตรีอีกคนหนึ่ง 6. ที่นั่งอยู่ตรงนี้ ดร.สามารถ ราชพลสิทธิ์ นี่ก็กำลังสำคัญอีกคนหนึ่ง ถัดไปคุณหญิงกัลยา โสภณพนิช อดีตผู้สมัครผู้ว่ากรุงเทพมหานคร รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และเมื่อกี้ยังมีคุณเกียรติ สิทธีอมร มีดร. พิสิฐ ลี้อาธรรม และมีใครต่อใครอีกหลายคน เช่น ดร.รัชดา ธนาดิเรก เช่น ตั๊น จิตภัสร์ กฤดากร และ และ และ
เพื่อจะบอกกับชาวกรุงเทพฯ ว่า ประชาธิปัตย์พร้อมจริงๆ ในการที่จะเสนอตัวรับใช้พี่น้องชาวกรุงเทพมหานคร วันนี้ผมตั้งใจนอกจากประกาศผู้สมัครครบทั้ง 33 เขตแล้ว ตั้งใจมาสะท้อนจุดยืนประชาธิปัตย์ 3 ข้อ สั้นๆ เพื่อให้พี่น้องเห็นว่าประชาธิปัตย์วันนี้ยังมั่นคง แข็งแรง ในจุดยืนอย่างไรบ้าง มีหลายคนบอกว่าประชาธิปัตย์เปลี่ยน แน่นอนครับ ประชาธิปัตย์กำลังเปลี่ยน แต่เปลี่ยนอย่างมีวุฒิภาวะ อะไรไม่ดีก็ต้องเปลี่ยน ปัญหาประเทศสถานการณ์เปลี่ยนแปลงไป นโยบายประชาธิปัตย์ก็ต้องเปลี่ยน สถานการณ์เปลี่ยนไป ทิศทางการแก้ปัญหาประชาธิปัตย์ก็ต้องเปลี่ยน โลกหมุนไป ประชาธิปัตย์ก็ต้องหมุนตาม ไม่งั้นก็ไม่ทันโลก แต่สิ่งหนึ่งที่ประชาธิปัตย์ไม่เปลี่ยน และไม่เคยเปลี่ยน คืออุดมการณ์ประชาธิปัตย์
จุดยืน 3 ข้อที่ขออนุญาตกราบเรียนกับพี่น้องตรงนี้ก็คือว่า
ข้อ 1 ประชาธิปัตย์จะมุ่งมั่นพาพรรคเดินไปข้างหน้า สู่ความเป็นสถาบันทางการเมืองที่เข้มแข็งและยั่งยืนต่อไปในอนาคต เพื่ออะไร เพื่อให้พรรคประชาธิปัตย์เป็นที่พึ่งของคนทั้งประเทศ เป็นที่พึ่งของคนกรุงเทพมหานคร ตราบชั่วลูกชั่วหลานต่อไปในอนาคต ไม่ใช่พรรคการเมืองที่มาแล้วไป ไม่ใช่อยู่ 2 ปีไป 4 ปี ไม่ใช่ที่พึ่งเฉพาะกิจของคนกรุงเทพมหานคร แต่ประชาธิปัตย์คือความหวังที่ยั่งยืนของคนไทย และคนกรุงเทพมหานคร นี่คือจุดยืนที่ 1 ที่ขออนุญาตที่จะประกาศกับพี่น้องทุกคน
จุดยืนที่ 2 เมื่อกี้พวกเราบางคนก็พูดไปบ้างแล้ว จุดยืนประชาธิปัตย์ก็คือ จุดยืนที่เราจะเดินหน้าพาประเทศไปสู่ประชาธิปไตยและเป็นประชาธิปไตย 3 เสาหลัก 1. ประชาธิปัตย์จะเดินหน้ายึดมั่นประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข นี่คือจุดยืนที่ไม่เปลี่ยน และไม่มีวันเปลี่ยน สำหรับประชาธิปัตย์ หลายคนบอกประชาธิปัตย์มันไม่ชัด นี่ยิ่งกว่าชัดอีกครับ ที่ผมพูดไปเมื่อกี้ ไม่มีอะไรชัดไปกว่านี้อีกแล้ว 2. ประชาธิปัตย์จะเดินหน้าประชาธิปไตยสุจริต และ 3. ประชาธิปไตยอย่างเดียวไม่พอต้องเป็นประชาธิปไตยท้องอิ่มด้วย ประชาธิปัตย์สนับสนุนการแก้ไขรัฐธรรมนูญไปสู่ความเป็นประชาธิปไตยยิ่งขึ้น และสนับสนุนให้แก้รัฐธรรมนูญทั้งฉบับ แต่ต้องไม่แตะหมวด 1 และหมวด 2 ที่ว่าด้วยสถาบันพระมหากษัตริย์ 2. ประชาธิปัตย์ ไม่ยกเลิก มาตรา 112 เพราะนี่คือบทคุ้มครองประมุขของประเทศที่ทุกประเทศเขาต้องมีไว้คุ้มครองประมุขของตัวเองทั้งนั้น ไม่มียกเว้นหรอกครับ และไม่จำเป็นต้องเขวเรื่องนี้เลย ประชาธิปัตย์ชัดเจนเรื่องนี้ที่ขออนุญาตที่จะกราบเรียนทุกๆ ท่าน
ประชาธิปัตย์ยึดมั่นในความซื่อสัตย์สุจริต อย่างที่คุณองอาจพูดไปบ้างแล้ว เพราะความซื่อสัตย์สุจริต คือรากแก้วของความเป็นเรา และคือรากแก้วที่จะนำต้นไม้ประเทศไทยให้เติบใหญ่ต่อไปได้ในอนาคต ออกดอกออกผลให้คนไทยทั้งประเทศได้เก็บได้กินต่อไป ถ้าไม่มีความสุจริต ถนนร้อยสายก็เหลือ 10 สาย แหล่งน้ำ 200 แห่ง ก็เหลือ 120 แห่ง ไฟฟ้า ประปา ในชุมชนกรุงเทพมหานครแทนที่จะมีล้านดวงก็เหลือ 2 แสนดวง มันจะหายไปกับความไม่ซื่อสัตย์สุจริต ประชาธิปัตย์ยึดมั่นในอุดมการณ์แห่งความซื่อสัตย์ นี่คือหัวใจสำคัญ และสำคัญอีกอันหนึ่ง ประชาธิปไตยต่อไปนี้ต้องท้องอิ่ม ถ้าคนท้องหิวประชาธิปไตยก็ไปไม่รอด ประชาธิปไตยจึงต้องไปคู่กับปัญหาปากท้องของประชาชน และถ้าประชาธิปัตย์เป็นแกนตั้งรัฐบาล ประชาธิปัตย์จะพาประเทศไทยเดินหน้าไปด้วยยุทธศาสตร์ สร้างเงิน สร้างคน สร้างชาติ และสร้างความผาสุกให้คนกรุงเทพมหานคร
เพื่อให้ประเทศและประชาธิปไตยขับเคลื่อนต่อไปได้ ด้วยการสร้างเงินให้คนไทย และสร้างเงินให้ประเทศ และสร้างเงินให้พี่น้องชาวกรุงเทพมหานครต่อไป สุดท้ายจุดยืนที่ 3 ที่ผมอยากเรียนกับพี่น้องวันนี้ ประชาธิปัตย์ขอประกาศ ประชาธิปัตย์ ไม่เอาธนกิจการเมือง ไม่เอาการเมืองที่ใช้เงินประมูลตัวผู้แทนราษฎร ไม่เอาการเมืองที่ซื้อสิทธิ์ขายเสียง เพราะนี่คือต้นตอของการถอนทุนคืน และนี่คือต้นตอของการทุจริต คอรัปชั่น และนี่คือต้นตอของการนำประเทศและประชาธิปไตยไปสู่หายนะในที่สุด
นี่คือ 3 จุดยืน ที่ขอประกาศวันนี้ วันที่เราเปิดตัวผู้สมัครกรุงเทพมหานครครบ 33 เขตเป็นวันแรกในการเลือกตั้งที่จะมาถึง ขอถือโอกาสนี้สุดท้าย ขอบคุณพี่น้องชาวกรุงเทพมหานครทุกคนที่มาร่วมทัพกับประชาธิปัตย์ในวันนี้ ขอขอบคุณอดีต ขอบคุณปัจจุบัน และขอบคุณล่วงหน้าสำหรับอนาคต ที่เราจะเกี่ยวก้อยจับมือไปด้วยกันพาประชาธิปไตย พาประเทศของเรา และพาการเมืองสะอาด การเมืองท้องถิ่นให้คนกรุงเทพมหานครได้พบกับความสุขความเจริญรุ่งเรืองต่อไปครับ ขอบคุณทุกกำลังใจที่ให้กับพวกเรา ชาวประชาธิปัตย์ครับพี่น้องครับ
//////////////////////////////