คำต่อคำ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ขึ้นชี้แจงในการประชุมสภาผู้แทนราษฎรเพื่อพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2565

คำต่อคำ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ขึ้นชี้แจงในการประชุมสภาผู้แทนราษฎรเพื่อพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2565

ท่านประธานที่เคารพ กระผม จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ขออนุญาตใช้เวลาตรงนี้ไม่ยาวนัก เพื่อไม่ให้ประเด็นผ่านเลยไป กรณีเพื่อสมาชิกบางท่านรวมทั้งท่าน ณัฐวุฒิ ประเสริฐสุวรรณ ซึ่งท่านได้กรุณาให้ความเห็นไว้ กรณีเป็นห่วงเรื่องราคาพืชผลการเกษตรตกต่ำ และในเรื่องของการที่มีการลักลอบนำเข้าสินค้าเกษตร เข้ามาในประเทศ ทำให้กระทบต่อราคาพืชเกษตรในประเทศ

ประการที่ 1 ก็ขออนุญาตกราบเรียนกับท่านประธานว่า ความจริงในช่วงระยะเวลาปีที่แล้ว มาจนถึงปีนี้ ถ้ามองในภาพรวม สามารถพูดได้ว่า ราคาพืชผลการเกษตรดีเกือบจะเรียกว่าทุกตัว โดยเฉพาะพืชเกษตรตัวใหญ่ๆ สำคัญๆ ผมยกตัวอย่างที่ชัดเจน ก็คือว่า เช่น

  1. ก่อนหน้านี้ ยางพารา 3 โล 100 อย่างที่พวกเราพูดกัน แต่มาถึงวันนี้ ยางแผ่นดิบชั้น 3 มาตรฐานที่ใช้เป็นการเทียบราคาอ้างอิงไปกิโลละ 60 กว่าบาทแล้ว ยางก้อนถ้วยที่เกษตรกรทั่วไปนิยมทำกันในช่วงหลังเพราะว่าเพื่อลดภาระในเรื่องค่าแรงงานก็ไปกิโลละ 20 กว่าบาท จาก 16 – 15 – 17 ทรงอยู่นานหลายปีในช่วงที่ผ่านมา โดยเฉพาะภาคอีสานไปถึงกิโลละ 20 กว่าบาท 23 ก็มี 24 ก็มี ปาล์มน้ำมันจากกิโลละ 2 บาทกว่าในช่วงที่ผมเข้ามาใหม่ๆ เดี๋ยวนี้ขึ้นไปโลละ 5 บาท 6 บาท บางช่วงบางวัน ช่วงเวลานี้แตะ 7 บาทแล้วก็มี อันนี้ก็คือตัวสะท้อนราคาที่แท้จริงที่เกิดขึ้นในประเทศ แต่ทั้งหมดต้องได้ตามมาตรฐานเปอร์เซ็นต์น้ำมันตามที่กำหนด

นอกจากนั้น มันสำปะหลัง จากกิโลละบาทกว่า ช่วงระยะเวลาฤดูนี้หลายพื้นที่ที่มีเชื้อแป้งตามมาตรฐานก็ขึ้นไปกิโลละ 2 บาทกว่า ล่าสุดผมตรวจสอบที่จังหวัดนครราชสีมา ก็ไป 2.20 บาท – .30 – .40 แล้วแต่กรณี

นอกจากนั้นข้าวโพดก็ 8 บาทกว่า ข้าวปีที่แล้วท่านประธานคงจำได้ ผมได้อภิปรายในที่ประชุมนี้เพื่อชี้แจงกับเพื่อนสมาชิกแตะ 10,000 สำหรับข้าวเปลือกเจ้า ปีนี้ราคาอ่อนตัวลงมา แต่ก็ยังไปอยู่ที่ 7,000 กว่า 8,000 กว่า 9,000 กว่า ในแต่ละช่วงแต่ละเวลา

แต่ว่าอย่างไรก็ตามทั้งหมดนี้แม้ช่วงเวลาใดเวลาหนึ่งพืชผลการเกษตรสำคัญๆ 5 ตัว ข้าว มัน ยาง ปาล์ม ข้าวโพด ราคาตกลงมา ก็ยังมีตัวช่วยสำคัญก็คือนโยบายประกันรายได้เกษตรกร ซึ่งถ้าต่ำกว่ารายได้ที่ประกันลงมาเมื่อไหร่ ก็จะมีส่วนต่างที่จะโอนเข้าบัญชีเกษตรกรโดยตรงเพื่อช่วยให้เกษตรกรสามารถยังชีพได้ต่อไป

อันนี้ก็คือมาตรการนโยบายของรัฐบาลที่มีความชัดเจนและดำเนินการประสบความสำเร็จเป็นปีที่ 2 คือปีนี้ และสร้างความพึงพอใจให้เกษตรกรจำนวนมากของประเทศเรา

นอกจากนั้นพืชเกษตรตัวอื่น แม้ว่าจะไม่มีนโยบายประกันรายได้แต่กระทรวงพาณิชย์กับกระทรวงเกษตรฯ ก็ได้จับมือกันในการดำเนินการภายใต้นโยบายของรัฐบาล ในการที่จะกำหนดมาตรการเชิงรุก เช่น ผลไม้ ไม่รอให้ปัญหาเกิดก่อนจึงเข้าไปแก้ปัญหา แต่มีการประชุมระหว่างกระทรวงเกษตรฯ กระทรวงพาณิชย์ ภาคราชการ จังหวัด และกลุ่มเกษตรกร รวมทั้ง ล้ง ผู้ส่งออก เป็นการล่วงหน้า กำหนดมาตรการชัดเจน เฉพาะปีนี้ซึ่งเป็นปีที่ 2 ที่ผมเข้ามารับผิดชอบ เรากำหนดมาตรการเชิงรุกเสร็จสิ้น 16 มาตรการ ตั้งแต่ต้นปี ผมไม่แจ้งตรงนี้นะครับ จะใช้เวลามากเกินไป

แต่ผลทั้งหมดนี่ ก่อให้เกิดปรากฏผลสัมฤทธิ์ที่เป็นรูปธรรม ราคาผลไม้ในภาพรวมถือว่าดีมากและดีต่อเนื่องมาตั้งแต่ปีที่แล้วจนถึงปีนี้ ทุเรียนปีนี้ราคาเฉลี่ยที่หน้าสวน ตกกิโลนึง 100 – 130 บางกรณีแพงกว่านั้น แต่เอาตัวเลขกลางๆ

มังคุด ช่วงเวลานี้เข้าปลายฤดูแล้วครับ สำหรับภาคตะวันออก แต่กำลังจะเริ่มต้นที่ภาคใต้ แต่ปลายฤดูภาคตะวันออก โลนึง 150 กลางฤดูไป 230 ก็มี สำหรับมังคุดเกรดพรีเมี่ยมสำหรับการส่งออกชั้นดีที่เป็นที่นิยมของชาวต่างชาติ อันนี้ก็ถือเป็นตัวอย่าง

วันสองวันนี้ผมไปนครศรีธรรมราช ไปที่อำเภอหัวไทร ประชุมกลุ่มเกษตรกรผู้ปลูกมังคุด 20 กว่ากลุ่มทั้งจังหวัดนครศรีธรรมราช ทุกคนพอใจกับมาตรการที่กำหนดไว้ล่วงหน้า ต่อไปนี้ก็แค่ขอให้บังคับใช้มาตรการทั้งหมดโดยเคร่งครัด ทั้งในส่วนของจังหวัด เกษตรจังหวัด พาณิชย์จังหวัด เกษตรกร ล้งและผู้เกี่ยวข้อง รวมทั้งในเรื่องของการปิดราคา ต่อไปนี้ล้งจะซื้อผลไม้ต้องปิดราคา 8 โมงเช้า ไม่ใช่ไปปิดเอาตอนเย็น ผีถึงป่าช้าเท่าไหร่ก็ต้องขายตามนั้น แต่ถ้าปิดราคาตอนเช้าเกษตรกรจะได้รู้ว่าจะเก็บหรือไม่เก็บ เก็บแล้วมาขายได้เท่าไหร่ และที่นครฯ เช่นเดียวกับที่ภาคตะวันออกหลายจังหวัดก็เป็นตัวอย่างที่ดีก็คือว่า เกษตรกรส่วนใหญ่ทำผลไม้คุณภาพ โดยเฉพาะมังคุดและมีการรวมกลุ่มกัน อันนี้ก็มีส่วนช่วยทำให้การขายนี้ได้ราคาดีมากนะครับ แล้วก็ยังดำเนินการต่อไป

ผมไปที่นครฯ มีปัญหาข้อนึง ขออนุญาต กราบเรียนตรงนี้ว่า มีปัญหาประเด็นหนึ่งเรื่องการออกใบรับรองการตรวจสวนที่เขาเรียกว่า GAP โดยกรมวิชาการเกษตร ตรงนี้ผมรับปัญหามา วันนั้นโทรศัพท์ทันทีคุยกับปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ก็ได้รับคำตอบว่าท่านจะเร่งรัดแก้ปัญหาให้ วันนี้ท่านมีคำตอบให้ผมแล้วครับว่าที่ตกค้างอยู่ 6-700 รายในจังหวัดนครศรีธรรมราช จะเร่งรัดดำเนินการให้เสร็จภายใน 2 สัปดาห์ ก็ขออนุญาตผ่านท่านประธานไปยังผู้ว่าราชการจังหวัดนครฯ ช่วยติดตามเรื่องนี้ด้วยนะครับ รัฐมนตรีเกษตร ท่านก็รับทราบเรื่องนี้แล้วนะครับ

เพราะฉะนั้นอันนี้ก็คือสิ่งที่สะท้อนว่างานในรัฐบาลนี้ เราล้วนแล้วแต่ใช้มาตรการเชิงรุกในการแก้ปัญหาราคาพืชเกษตรส่วนใหญ่ รวมทั้งผลไม้จึงมีราคาที่ดี แม้บางตัวมันจะตกบ้างในช่วงบางเวลา ก็ขึ้นอยู่กับกรณี ขึ้นอยู่กับสถานการณ์

และที่สำคัญการส่งออก เราสามารถดำเนินการได้ดีมากครับ ตัวเลขปีที่แล้วทั้งปี เราส่งออกผลไม้ไปยังต่างประเทศได้เงินเข้าประเทศ 130,000 ล้านบาท ปีนี้เฉพาะ 4 เดือน ตั้งแต่มกราจนถึงเมษา เงินเข้าประเทศแล้ว 50,000 ล้านบาท เฉพาะการส่งออกผลไม้ตัวเดียว แล้วเราก็ตั้งเป้าหมายว่าปีนี้เงินเข้าประเทศจากผลไม้ส่งออกไม่น่าจะต่ำกว่า 1.4 ล้านล้านบาท นี่ก็คือเป้าหมายและมาตรการเชิงรุกของรัฐบาล กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงเกษตร กระทรวงอื่นๆ ภาคเอกชน และเกษตรกรที่จับมือร่วมกันกำหนดมาตรการเชิงรุก

นี่ก็คือสิ่งที่ขออนุญาตกราบเรียนกับท่านประธานเรื่องราคาพืชผลการเกษตรนะครับว่า ในภาพรวมก็น่าจะเรียกได้รวมๆ แม้มันจะมีบางตัวมีปัญหาบ้าง ก็แก้ไขไปตามหน้างาน ตามสถานการณ์ ด้วยมาตรการเชิงรุกที่ผมเร่งลงไปแก้ปัญหาตัวเล็กๆ ตัวน้อยๆ บ้าง อะไรบ้าง ก็ดำเนินการทั้งหมดครับ

ส่วนกรณีของการลักลอบนำเข้า อันนี้เป็นปัญหาที่เกิดขึ้นในบางช่วงเวลาและบางกรณี และขอกราบเรียนให้เพื่อนสมาชิกได้รับความสบายใจว่า ผมติดตามเรื่องนี้ใกล้ชิด และได้นำเรื่องการลักลอบนำเข้าพืชผลการเกษตรจากประเทศใกล้เคียงเข้ามาพูดในที่ประชุมคณะรัฐมนตรีหลายครั้ง และทุกครั้งที่พูด ท่านนายกรัฐมนตรีก็กรุณาสั่งการเดี๋ยวนั้น ไม่เคยรอว่าเดี๋ยวผมกลับไปแล้วจะสั่ง ก็สั่งเดี๋ยวนั้น สั่งฝ่ายความมั่นคงในที่ประชุมคณะรัฐมนตรีเดี๋ยวนั้นทุกครั้งเลยครับว่า ให้จัดการเรื่องนี้ถือเป็นนโยบายสำคัญ เพราะไม่ต้องการให้การลักลอบนำเข้าพืชเกษตรเพื่อนบ้านเข้ามามีผลกระทบกับราคาพืชการเกษตรของเกษตรกรไทยนะครับ

นอกจากนั้นสิ่งที่กำหนดเป็นมาตรการที่มีความชัดเจนถาวรก็อยากจะยกตัวอย่างให้ท่านประธานได้เห็นเพราะเพื่อนสมาชิกได้หยิบยกขึ้นมาเมื่อสักครู่ เช่น ปาล์ม เดี๋ยวนี้ปาล์ม กระทรวงพาณิชย์ได้ออกมาตรการชัดเจนแล้วครับ ผมลงนามไปตั้งแต่ปีที่แล้ว มันก็เลยมีส่วนช่วยให้ราคาปาล์มดีขึ้น 1 ในมาตรการก็คือว่า ต่อไปนี้เราห้ามนำเข้าปาล์มทางบกนะครับเพราะที่ผ่านมาปัญหาใหญ่ก็คือมีการลักลอบนำเข้าปาล์มทางบก เป็นน้ำมันปาล์มแล้วก็มาทำหกระหว่างทางยังไปไม่ถึงประเทศที่สาม ทำให้ปริมาณน้ำมันปาล์มหกในประเทศมาบวกกับน้ำมันปาล์มในประเทศ มันก็เลยล้นตลาดแล้วกดทำให้ราคาปาล์มมันตกต่ำลงมา

แต่มาตรการนี้ได้ผล ดูจากตัวเลขราคาปาล์มที่ขยับสูงขึ้นอย่างที่กระผมกราบเรียนกับท่านประธานนำเข้าทางบกไม่ได้แล้วครับเด็ดขาด ถ้าเข้าก็แปลว่าลักลอบ ก็แปลว่าศุลกากรต้องรับผิดชอบ หรือด่านทั้งหมดต้องรับผิดชอบ จะนำเข้าได้ต้องทางเรือและทางเรือเข้ามาแล้วออกได้เฉพาะด่านที่กำหนด ไม่ใช่จะออกด้านไหนหายไปตรงไหนก็ได้ จะต้องได้เฉพาะด่านที่กำหนด อันนี้ก็เป็นมาตรการที่เรากำหนดไว้ มีความชัดเจน แล้วก็เป็นรูปธรรม

ส่วนการจัดซื้อมิเตอร์ปาล์ม เพื่อที่จะเช็คสต็อคไม่ให้อ้างว่าสต็อคล้นแล้วมากดราคาเกษตรกร อันนี้ได้ดำเนินการมาตั้งแต่ปีที่แล้ว แต่ติดขัดประเด็นปัญหาก็คือ ถูกเรียกงบประมาณคืน โทษรัฐบาลไม่ได้ครับ เพราะตอนนั้นเกิดวิกฤติโควิดรอบแรกๆ ต้องตัดงบประมาณกันมาทุกกระทรวง ในการที่จะเอาไปกองรวมไว้แก้ปัญหาโควิด แต่ช่วงหลังก็ได้คืนงบมาแล้ว แต่ว่าในเรื่องของการทำ อี-อ็อคชั่น เกิดประเด็นปัญหาที่กรมบัญชีกลางท้วงติงว่า ท่านจะใช้เกณฑ์คุณภาพ + ราคาไม่ได้ ให้ใช้เกณฑ์ราคาอย่างเดียวตัดเรื่องคุณภาพออก เหตุผลอะไรก็เป็นเรื่องที่กรมบัญชีกลางเขาต้องรับผิดชอบในเรื่องของการเป็นผู้กำหนดเรื่อง อี-อ็อคชั่น ก็เลยต้องประมูลใหม่ ประมูลใหม่ก็ประมูลไปแล้วครับ แล้วก็อยู่ในขั้นตอนกระบวนการดำเนินการ

ตอนนี้มีการอุทธรณ์ ก็ต้องว่ากันไปตามขั้นตอนกระบวนการ ผมไม่เข้าไปแทรกแซง ต้องการให้ทุกอย่างโปร่งใส แล้วก็ได้สิ่งที่ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ ก็คาดว่าเมื่อกระบวนการทั้งหมดเสร็จสิ้นก็จะมีมิเตอร์ปาล์มเข้ามาช่วยเสริมอีกแรงหนึ่ง นอกจากประกาศห้ามนำเข้าน้ำมันปาล์มทางบกนะครับ

เรื่องพริก ตะกี้เพื่อนสมาชิกก็ได้พูดถึง ว่ามีการลักลอบนำเข้าจากประเทศเพื่อนบ้านบางประเทศ อันนี้ผมพูดใน ครม. แล้วท่านนายกฯ สั่งให้แล้วอย่างที่กราบเรียน แต่มันมีพริกอีกจุดนึงคือ พริกเขียวที่ปักษ์ใต้ปลูกเยอะ โดยเฉพาะที่จังหวัดสงขลา จังหวัดนครศรีธรรมราช เป็นต้น ทันทีที่มีปัญหาประเด็นราคาตกจากโลละ 10 กว่าบาทเกือบ 20 ลงมาเหลือ 7 บาท 8 บาท 6 บาท 9 บาท ที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะเหตุว่ามาเลเซียซึ่งเป็นตลาดใหญ่เป็นตลาดสำหรับการระบายพริกเขียวมันในพื้นที่ 2-3-4-5 จังหวัดที่ว่านั้น เกิดวิกฤติโควิด ทำให้เกิดการลดการรับซื้อนำเข้า และพริกเขียวมันที่ว่า ส่วนใหญ่เอาไปทำซอส กับเอาไปปรุงรสอาหารในฝั่งมาเลย์ พอความต้องการซื้อน้อยลง ติดวิกฤติโควิด ก็เลยทำให้พริกเขียวมันที่ปลูกมามันล้นตลาด ราคาตก

ผมสั่งการให้กระทรวงพาณิชย์ โดยกรมการค้าภายใน ลงไปตั้งโต๊ะรับซื้อ และช่วยบริหารจัดการ และช่วยจัดเงินไปชดเชยกิโลละ 5 บาท ถ้าเกษตรกรเขาขายได้ 10 ก็ได้อีก 5 บวกเป็น 15 ก็พออยู่ได้ หรือเหลือ 9 ผมให้ 5 ก็เหลือ 14 หรือเขาขายได้ 11 + 5 ก็เป็น 16 ก็ช่วยแก้ปัญหาคลี่คลายไปได้ ขณะนี้เกษตรกรในภาพรวมก็พอใจ ผมลงไปที่หัวไทรไม่กี่วันก็ไปดูเกษตรกรที่ปลูกพริกเขียวมันโดยเฉพาะ มีการร้องเรียนว่าจ่ายเงินชดเชย 5 บาทช้า แต่ตอนนี้ก็เร่งรัดแล้วครับ แล้วดำเนินการบอกว่าต่อไปนี้ทันทีที่ขายแล้ว 3 วัน ถ้าเอกสารครบ และมีการขึ้นทะเบียนถูกต้อง ต้องจ่ายเงินชดเชย 5 บาทให้ในทันที อันนี้ก็คือเรื่องพริก

ส่วนเรื่องที่ตามมากับพริก ฟักทองครับ ฟักทองก็ปลูกในหลายจังหวัด ปักษ์ใต้ก็เหมือนกัน ผมก็ลงไปให้กระทรวงพาณิชย์ ไปช่วยบริหารจัดการ หาตลาดรับซื้อ เอาโมเดิร์นเทรดมา เอาสมาคมภัตตาคารมา เอาร้านอาหารมา นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสงขลาก็ลงมาจัดงบช่วยซื้อ รัฐมนตรีในคณะรัฐบาลนี้เอง ท่านนิพนธ์ บุญญามณี ส.ส. พวกเราหลายคน เดชอิศม์ ขาวทอง ใครต่อใครหลายส่วน มาช่วยกันหาคนมารับซื้อ และทั้งหมดเฉพาะสงขลา ยกตัวอย่างมีผลผลิตประมาณ 4,000 ตัน ช่วยระบายไปได้เฉพาะที่ช่วยกันคนละไม้คนละมือ รวมทั้งกระทรวงพาณิชย์ เกือบ 1,000 ตัน ก็ช่วยดึงราคาตลาดขึ้นมาได้ เพราะไม่มีใครสามารถที่จะไปแก้ปัญหาครบทั้งหมด แต่แก้เพื่อดึงราคาตลาดมันขึ้นมา

แล้วก็ล่าสุดผมลงไปด้วยตัวเองไปเปิดปล่อยคาราวานฟักทองที่อำเภอระโนด จังหวัดสงขลา ระบาย นำฟักทองเข้ามาขายในกรุงเทพฯ แล้วก็ไปทะลุถึงภาคตะวันออก จังหวัดตราด 100 กว่าตัน ผมมาช่วยขายเองด้วยที่กรุงเทพมหานคร เขตบางขุนเทียน ตอนไปกับท่านสากล ม่วงศิริ อันนี้ก็เป็นกรณีที่สะท้อนให้เห็นว่าเราสามารถช่วยแก้ปัญหา ตอนนี้ราคาฟักทองก็คลี่คลายไปบ้าง ไม่ถึงกับดีเลิศเหมือนก่อนหน้านี้ครับ แต่ว่าก็เพิ่มขึ้นไปแทนที่จะ 2 บาท 1.50 – 2.50 ก็ไป 3 บาท 4 บาท 5 บาท ก็กระเตื้องขึ้น โมเดิร์นเทรดก็เดี๋ยวจะช่วยประสานต่อไป ไม่ทิ้งนะครับ เพราะฉะนั้นที่ท่านเป็นห่วง ท่านไม่ต้องกังวล ผมติดตามแล้วก็ช่วยดูแลอยู่ตลอด

สุดท้ายเรื่องเกลือครับ ตะกี้ที่เพื่อนสมาชิกพูดถึงว่าเป็นห่วง เพราะเกลือก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่ราคาตก แล้วก็ขณะเดียวกันมีเกลือต่างประเทศเข้ามาตีตลาด โดยเฉพาะเกลือจากอินเดียก็นำเข้ามาในไทยมาก ประเด็นปัญหาเมื่อเข้ามาตีตลาดแล้ว ก็ทำให้เกลือในประเทศราคาตก ประกอบกับขึ้นอยู่กับฤดูกาลด้วย ทำให้เกลือมันล้นแล้วก็มีปัญหาในหลายจังหวัด ทั้งเพชรบุรี ทั้งสมุทรสาคร และจังหวัดอื่นๆ อีก 5 จังหวัด รวม 7 จังหวัด

อาทิตย์ที่แล้วผมไปเพชรบุรีด้วยตัวเอง ไปประชุมชาวนาเกลือหลายจังหวัดที่มาร่วมกันที่ตลาดการเกษตรท่ายาง แล้วก็ได้กำหนดมาตรการสรุปร่วมกันว่าเราจะช่วยกันคลี่คลายปัญหานี้

โดย 1. ระยะสั้น จะใช้เงิน คชก. เข้ามาช่วยดูแล ในเรื่องราคา หรือช่วยดูแลชดเชยชาวนาเกลือบางส่วน ขณะนี้กำลังทำงานร่วมกันอยู่กับเกษตรกร ส่วนระยะกลางและระยะยาว ผมสั่งการให้จังหวัดสำคัญๆ ที่มีเกลือเยอะ เช่น สมุทรสาคร เพชรบุรี เป็นต้น ได้ทำแผนเกลือขึ้นมา เพื่อที่จะได้ดำเนินการแก้ปัญหาระยะยาว ทั้งในเรื่องของการแปรรูปที่ตกลงกันว่าต่อไปนี้ เกลือไม่จำเป็นที่จะต้องเอามาบริโภคอย่างเดียวสามารถแปรรูปทำสินค้า เช่น สบู่ สครับขัดตัว ทำใช้ในการฟอกย้อมอุตสาหกรรมอะไรต่อมิอะไรได้เยอะ เพราะเกลือมันมี 2 ประเภท 1. เกลือบริโภค กับ 2. เกลือเพื่อการอุตสาหกรรม และจะได้สามารถเพิ่มมูลค่าต่อไปได้

ขณะเดียวกันกระทรวงพาณิชย์ก็จะเข้าไปช่วยดูครับ ในเรื่องของการจัดตั้งหมู่บ้านทำมาค้าขาย ขณะนี้ชี้ลงไปแล้วว่าสำหรับสมุทรสาครจะไปตั้งหมู่บ้านทำมาค้าขาย กระทรวงพาณิชย์จะระดมทุกภาคส่วน เอกชน เกษตรกรด้วย ไปตั้งที่โคกขาม จังหวัดสมุทรสาคร แล้วก็เริ่มต้นมันขึ้นมาเพื่อจะเป็นแหล่งท่องเที่ยวต่อไปในอนาคตด้วย ส่วนเพชรบุรีก็มอบไปแล้วว่าให้ไปช่วยดูว่าตรงไหน อย่างไร

สุดท้ายก็คือเพื่อแก้ปัญหาระยะยาว กระทรวงพาณิชย์ได้ประชุมร่วมกับกรมศุลกากร และภาคเอกชน หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งหมด ในการดำเนินการที่จะออกประกาศฉบับหนึ่ง ผ่าน ครม. แล้วครับ ผมเสนอเข้าไป และขณะนี้ติดอยู่ในขั้นตอนกฤษฎีกา ผมให้เจ้าหน้าที่โทรไปติดตาม ท่านบอกว่าวันที่ 9 มิถุนานี้ น่าจะเสร็จสิ้น หลังจากนั้นผมจะลงนามได้ เนื้อหาของประกาศฉบับนี้ก็คือ ต่อไปนี้เกลือมันมี 2 อย่าง เกลือบริโภค กับเกลืออุตสาหกรรม ถ้านำเข้าปัจจุบันเรามีพิกัดเดียว มันก็เลยมีความพยามจะแจ้งเกลือบริโภคเป็นเกลืออุตสาหกรรม เพราะราคาแล้วก็มาตรการนำเข้า มันมีความแตกต่างกัน แต่ต่อไปนี้จะแยกเป็น 2 พิกัด ทั้งพิกัดบริโภค เกลือบริโภค และพิกัดอุตสาหกรรม 2. ใครนำเข้าต่อไปนี้ต้องขึ้นทะเบียนเพื่อกระทรวงพาณิชย์จะได้ควบคุมได้ 3. ต้องมีใบ CO (Certificate of Origin) ที่เป็นใบแจ้งแหล่งกำเนิดสินค้าว่าท่านนำเกลือมาจากไหน อย่างไร และ 3. ท่านจากกระจายเกลือที่นำเข้าไปที่ไหน อย่างไรบ้าง เพื่อที่จะได้กำกับดูแลใกล้ชิด ไม่นำมาตีตลาด ทั้งเรื่องราคา ทั้งในเรื่องปริมาณ ทั้งในเรื่องของการแจ้งพิกัดต่อไป ซึ่งเกษตรกรผู้ทำนาเกลือพอใจมาก แล้วท่านบอกว่าท่านรอสิ่งนี้มานานแล้ว จนกระทั่งผมได้นัดประชุมที่กระทรวง แล้วนับหนึ่งให้ ในช่วงระยะเวลา 5-6 เดือนที่ผ่านมา ขณะนี้กำลังจะสัมฤทธิ์แล้วครับ วันที่ 9 ถ้ามาตามนั้นจริง ผมจะรีบลงนามให้เร็วที่สุด อันนี้ก็คือส่วนที่จะช่วยเกษตรกรผู้ทำนาเกลือต่อไป

ก็สุดท้ายเรื่องการส่งออกครับ ที่สมาชิกพาดพิง ขออนุญาตเรียนว่า ขณะนี้การส่งออกถือว่าเป็นตัวจักรสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ เพราะเราต้องยอมรับความจริงว่า การท่องเที่ยวเรายังเดินหน้าต่อไปไม่ได้ แม้แต่ไทยเที่ยวไทยก็ยังเป็นปัญหาอุปสรรค เพราะวิกฤติโควิดที่ระบาดอยู่ปัจจุบัน ส่วนการท่องเที่ยว inbound ที่นักท่องเที่ยวต่างประเทศเข้ามาก็เกือบจะเรียกว่า ต้องรอการฉีดวัคซีน ซึ่งเราจะนับหนึ่งที่ภูเก็ต วันที่ 1 กรกฎา อันนี้ถ้าฉีดวัคซีนได้ตามเป้า ทุกอย่างก็ถึงจะเริ่มได้ เพราะฉะนั้นการส่งออกจึงเป็นตัวจักรสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจที่จะทำให้เศรษฐกิจปีนี้โตได้อย่างน้อยก็ 2% กว่าถึง 3% กว่า ตัวเลขเฉลี่ยตามเป้าหมายที่กำหนดไว้

ก็มีข่าวดีสุดท้าย กราบเรียนท่านประธานว่า ส่งออกกระเตื้องขึ้นเป็นลำดับตั้งแต่ต้นปีแล้วครับ มกรา+ มีนา +8.47 เมษา +13.09 แล้วก็ผมจะทำงานใกล้ชิดกับภาคเอกชนต่อไป เพื่อช่วยขับเคลื่อนการส่งออก ล่าสุดตัวเลขเมื่อวานผมประกาศไปการค้าชายแดนกับข้ามแดน ซึ่งตัวเลขอันนี้จะไปรวมกับการส่งออก เพราะทันทีที่เราส่งสินค้าข้ามแดนไป ตัวเลขส่งออกมันก็จะขึ้น ตัวเลขก็ถือว่าดีมากครับ 4 เดือนแรกของปีนี้ ตั้งแต่ มกรา-เมษา บวกถึง 26.4% ทำมูลค่าการค้า 500,000 กว่าล้านบาท ก็ขออนุญาตกราบเรียนกับท่านประธานครับ ขอบพระคุณครับ
////////////////////