“จุรินทร์” ประกาศกลางสวนยาง จ.ตรัง เดินหน้าประกันรายได้ยางพาราและพืชเกษตรรวม 5 ชนิดต่อไป ยันช่วยเกษตรกรได้ เห็นผลในภาวะวิกฤติ

วันที่ 7 กรกฎาคม 2563 เวลา 11.00 น. นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ นายนิพนธ์ บุญญามณี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย นายบุณยฤทธิ์ กัลยาณมิตร ปลัดกระทรวงพาณิชย์ นายวิชัย โภชนกิจ อธิบดีกรมการค้าภายใน นายลือชัย เจริญทรัพย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดตรัง ร่วมกับ นายปริญญ์ พานิชภักดิ์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ น.ส.สุณัฐชา โล่สถาพรพิพิธ ส.ส.จังหวัดตรัง ดร.พิมพ์รพี พันธุ์วิชาติกุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ และ น.ส.สุพัชรี ธรรมเพชร อดีต ส.ส.จังหวัดพัทลุง พรรคประชาธิปัตย์ มอบถุงยังชีพ เพื่อบรรเทาทุกข์ให้กับพี่น้องประชาชน ที่ตําบลแหลมสอม อําเภอปะเหลียน จังหวัดตรัง นายจุรินทร์พบปะประชาชนเพื่อติดตามโครงการประกันรายได้เกษตรกร และรับฟังปัญหาประชาชนอย่างใกล้ชิด ที่ตําบลแหลมสอม อําเภอปะเหลียน จังหวัดตรัง ซึ่งประชาชนส่วนใหญ่เป็นเกษตรกรชาวสวนยางพารา ช่วงหนึ่ง ระหว่างพบปะประชาชนร่วม 500 คน นายจุรินทร์ กล่าวว่า ประชาชนร้อยละ 90 ที่นี่ ทำสวนยางพาราซึ่งวันนี้ต้องยอมรับข้อเท็จจริงที่ว่ายางพาราราคาไม่ดีเพราะโลกเปลี่ยนไป หลายจังหวัด หลายประเทศในโลกก็ปลูกยางพารา ประกอบกับเศรษฐกิจโลกชะลอตัวและที่สำคัญเรามาพบกับภาวะโควิด-19 เมื่อเศรษฐกิจไม่ดี การใช้รถยนต์ก็ลดลง การนำยางไปผลิตยางรถยนต์ก็น้อยลง ประกอบกับน้ำมันโลก ราคาลดลงจึงมีการนำน้ำยางเทียมที่มีราคาถูกกว่ายางธรรมชาติมาใช้ในอุตสาหกรรมผลิตยางรถยนต์แทน และยอดส่งออกยางเดือนที่ผ่านมาตกไป 20 กว่าเปอร์เซ็นต์ ที่ตกมากที่สุดคือรถยนต์ที่ประเทศไทยส่งออกไปต่างประเทศตกถึง 30-40% ถ้ารถยนต์ส่งออกตกแปลว่ายางรถยนต์ขายไม่ได้แปลว่ายางบ้านเราก็ราคาตก แล้วยังบวกกับราคาน้ำมันลด ซึ่งน้ำมันคือวัตถุดิบในการเอาไปทำยางเทียมทำให้ยางเทียมราคาถูก ขณะที่คนที่ไปทำยางรถยนต์ ก็หันไปใช้สัดส่วนยางเทียมมากขึ้นเพราะต้นทุนต่ำแทนที่จะมาซื้อยางธรรมชาติที่เราตัด สุดท้ายก็กดราคายางในตลาดซ้ำไปด้วย นายจุรินทร์ กล่าวว่า จึงเป็นที่มาของนโยบายสำคัญของพรรคประชาธิปัตย์ นโยบายหนึ่งคือนโยบายประกันก็ได้เกษตรกรชาวสวนยางเพราะรู้ว่าอนาคตราคายางไม่ได้ดีเสมอไป และจะทำให้ชาวสวนยางเดือดร้อนมีรายได้ไม่พอกิน เราจึงมานั่งคิดตัวเลขกันว่าถ้าให้ชาวสวนยางบ้านเราพอที่จะยังชีพ ราคายางแผ่นดิบชั้นสามซึ่งเป็นยางมาตรฐานที่เราใช้วัดกันในทางราชการ กิโลกรัมละเท่าไหร่สุดท้ายได้คำตอบว่าควรกิโลกรัมละ 60 บาท ไม่ได้ทำให้พี่น้องรวยแต่พอยังชีพอยู่ได้ จึงมาเป็นมาตรฐานกลาง “ถ้าประชาธิปัตย์ได้เป็นรัฐบาลวันไหนประชาธิปัตย์จะเดินหน้านโยบายประกันรายได้เกษตรกรชาวสวนยาง ที่ยางแผ่นดิบชั้น 3 กิโลกรัมละ 60 บาท แต่พี่น้องบ้านเราไม่ได้ทำแต่ยางแผ่น เราทำน้ำยางข้น ยางก้อนถ้วยด้วย เพราะแรงงานทำยางแผ่นลดลง เราจึงได้มีนโยบายเมื่อเข้าร่วมรัฐบาลชุดนี้ว่ารับนโยบายประกันรายได้เกษตรกรชาวสวนยางเข้าไปเป็นนโยบายของรัฐบาลด้วย รวมทั้งปาล์ม ข้าวโพด มันสำปะหลัง และข้าว สุดท้ายเลยประกันยางแผ่นดิบชั้น 3 ที่กิโลกรัมละ 60 บาท น้ำยางข้นกิโลกรัมละ 57 บาท และยางก้อนถ้วยกิโลกรัมละ 23 บาท” นายจุรินทร์ กล่าว นายจุรินทร์ กล่าวว่า นโยบายประกันรายได้นั้นช่วยเกษตรกรได้ในยามภาวะเศรษฐกิจตกและราคายางพาราไม่ดีวันนี้ประชาชนก็ได้รับส่วนต่างจากราคาขาย เพราะประชาชนได้เงินสองกระเป๋า คือ กระเป๋าซ้ายจากการขายยางพาราและกระเป๋าขวาเป็นส่วนต่างที่ได้รับจากนโยบายประกันรายได้ ยามที่เศรษฐกิจโลกไม่ดีพี่น้องก็ยังอยู่ได้ วันนี้เราทำมา 1 ปีแล้ว และมีคนบอกว่าจะทำต่อไหม ยืนยันว่าตราบใดที่ยังมีรัฐบาลชุดนี้เราจะต้องทำต่อเพราะประกันรายได้ชาวสวนยาง ชาวสวนปาล์มและพืชเกษตรรวม 5 ชนิดนั้นเป็นนโยบายที่แถลงไว้ต่อรัฐสภาผูกพันแล้ว และไม่กี่วันมานี้เรามีมติในคณะกรรมการนโยบายยางธรรมชาติว่าเราจะทำประกันรายได้ชาวสวนยางต่อไปในฤดูกาลที่กำลังจะมาถึงโดยจะเสนอเข้า ครม.และยังเพิ่มเงินกู้ให้กับพ่อค้าที่ทำธุรกิจไม้ยางโดยจะได้รับวงเงินกู้ 20,000 ล้านบาท ดอกเบี้ยช่วยร้อยละ 3 สำหรับผู้ที่ทำธุรกิจอย่างยางแท่งก็มีวงเงินกู้ 20,000 ล้านบาท ช่วยดอกเบี้ย 3% และสำหรับคนที่ทำน้ำยางข้น ถ้าทำธุรกิจน้ำยางข้นก็จะช่วยดอก 3% วงเงิน 20,000 ล้านบาท เช่นกัน จะนำเข้าที่ประชุมนัดต่อไปนี้แล้ว — ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ Instagram : Democratparty.th Twitter : @democratTH YouTube : พรรคประชาธิปัตย์ Democrat Party, Thailand #DemocratPartyTH #พรรคประชาธิปัตย์