
นิพนธ์”ยันกลับ“ประเสริฐพงษ์ ก้าวไกล” สภาฯไม่ใช่เวทีตลก ใช้ข้อมูลตัดแปะมาอภิปราย ย้ำโครงการจะนะเพื่อพัฒนาแก้ไฟใต้. แจง”เอกชน”ถือครองที่ดินจะนะแค่14% ซื้อขายกันเอง. พ่วงเคลียร์ปมเก่า ครั้งเป็น นายก อบจ.ย้ำรักษาผลประโยชน์รัฐ
เมื่อเวลา 16.15 น. ที่รัฐสภา การประชุมสภาผู้แทนราษฎรระหว่างอภิปรายไม่ไว้วางใจ นายนิพนธ์ บุญญามณี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ลุกขึ้นชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาของนายประเสริฐพงษ์ ศรนุวัตร์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกลเกี่ยวกับโครงการเมืองอุตสาหกรรมต้นแบบแห่งอนาคตจะนะ ในเขตพื้นที่อำเภอจะนะ จังหวัดสงขลา ว่า ตนขอปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา ข้อมูลของนายประเสริฐพงษ์มีเฉพาะฝ่ายตรงข้ามที่คัดค้านและเป็นเพียงการตัดแปะเท่านั้น กรณีการซื้อขายที่ดิน มีการร้องเรียนไปที่สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดินแล้ว ซึ่งเดือนธ.ค.2563 ได้มีหนังสือถึงอธิบดีกรมที่ดิน เพื่อแจ้งยุติการตรวจสอบเรื่องนี้แล้ว เพราะเป็นเรื่องการพิพาทเกี่ยวกับสิทธิครอบครองในที่ดินตามกฎหมายแพ่ง
ดังนั้นการกล่าวหาตนว่าไปใช้อำนาจหน้าที่และเอื้อนายทุนนั้น เป็นการกล่าวหาที่เป็นเท็จทั้งสิ้น เพราะเรื่องนี้เป็นเพียงการพิพาทในเรื่องสิทธิในที่ดินเท่านั้น โดยจะต้องไปพิสูจน์ว่าใครมีสิทธิในที่ดินดีกว่ากัน ซึ่งเป็นกระบวนการที่ต้องไปฟ้องศาลตามกฎหมายแพ่ง ซึ่งไม่ได้เกี่ยวตนเองทั้งสิ้น
นอกจากนี้ การออกเอกสารสิทธิที่ดินดังกล่าว ก็ไม่ได้ออกทับที่ดินสาธารณะ จึงขอให้มั่นใจได้ว่า ไม่มีการออกโฉนดที่ดินเพื่อเอื้อประโยชน์นายทุน การซื้อขายที่ดินในพื้นที่ ถ้าเจ้าของที่ดินไม่เต็มใจแล้วจะขายได้อย่างไร ทั้งหมดเป็นการซื้อขายที่ดินตามปกติ ไม่ได้มีการแย่งที่ดินชาวบ้านใดๆทั้งสิ้น
ที่มีการกล่าวหาตนเอื้อประโยชน์พวกพ้องตนเองนั้น ยืนยันว่าไม่ได้เกี่ยวข้องใดๆ คนเป็นนายก อบจ.จะไปย้ายเจ้าหน้าที่ที่ดินเพื่อให้เอื้อประโยชน์ได้อย่างไร การสำรวจที่ดินก็ไม่ได้ทำเฉพาะพื้นที่ 4 ตำบลในอำเภอจะนะเพื่อใช้สำหรับพัฒนาเฉพาะนิคมเมืองอุตสาหกรรมต้นแบบจะนะเท่านั้น แต่ดำเนินการสำรวจก็เป็นการทำรังวัดทุกอำเภอในสงขลา ซึ่งเป็นการดำเนินการตามประกาศของที่ดินจังหวัดเมื่อปี 2561 แต่ตนเข้ามาดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีปี 2562
ย้ำโครงการจะนะเพื่อพัฒนาแก้ไฟใต้
“ท่านกำลังจะทำให้ประชาชนเข้าใจผิดผม ผมเป็นส.ส. 8 สมัย 25 ปี ไม่เคยใช้เอกสารทำนองนี้มาอภิปรายในสภาฯ ท่านเพิ่งเป็น ส.ส.สมัยแรก แต่ถ้าท่านได้เป็น ส.ส. พร้อมผมตั้งแต่ปี 2535 จะรู้ว่า ส.ส. เวลานั้น ทุกคนจะเสนอญัตติเพื่อแก้ไขปัญหาความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ จากปี 2547 มาถึงวันนี้ประเทศไทยเรามีคนตายเพราะความไม่สงบประมาณ 6 พันคน ใช้งบประมาณปีละ 2 หมื่นล้านบาท จนถึงปัจจุบันทุ่มงบฯแก้ไขปัญหานี้ไปมากกว่า 4 แสนล้านบาท ทุกคนอยากเห็นการแก้ไขในทุกด้าน
บัดนี้ปัญหาความไม่สงบดีขึ้นมาก เดินทางได้อย่างสะดวก การศึกษาก็ได้รับการพัฒนาไปจนถึงระดับอุดมศึกษา ผลิตคนได้ประมาณ 3 หมื่นคนต่อปี เหลือแต่การแก้ไขปัญหาความยากจน
ทั้งนี้สภาแห่งนี้เคยออกกฎหมาย ศอ.บต. วางโครงสร้างการแก้ไขปัญหาใหม่ทั้งหมดและให้เลขาธิการศอ.บต.ขึ้นตรงกับนายกรัฐมนตรี เวลานี้ ศอ.บต. ใช้อำนาจตามกฎหมายมาตรา 10 ว่าด้วยกรณีเพื่อประโยชน์การแก้ไขปัญหาชายแดนภาคใต้อาจกำหนดให้เป็นเขตพัฒนาพิเศษเพื่อวางกรอบแนวทางการแก้ไขปัญหา สาเหตุที่คณะรัฐมนตรีกำหนดพัฒนาพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้เพราะต้องการกระตุ้นเศรษฐกิจและยกระดับการดำรงชีวิตของประชาชน โดยมีมติครม.เมื่อวันที่ 7 พ.ค.2562 เห็นชอบขยายโครงการเมืองต้นแบบไปที่อำเภอจะนะ จังหวัดสงขลา เพื่อเชื่อมโยงภูมิภาคอื่นๆ ซึ่งเวลาที่ ครม.อนุมัตินั้นผมยังไม่ได้เป็นรัฐมนตรี แล้วแบบนี้ผมจะไปใช้อำนาจหน้าที่ได้อย่างไร
ครม.ส่งเสริมให้เอกชนมาลงทุน เอกชนต้องรับความเสี่ยง ยอมรับว่าโครงการนี้คนไม่เห็นด้วยมาก และคนที่ไม่เห็นด้วยเหล่านั้นตนก็รู้จัก และเขาก็ไม่ได้คัดค้านโครงการนี้เป็นโครงการแรก เช่น โครงการก่อสร้างโรงแยกแก๊สที่ไทยจะพัฒนาร่วมกับมาเลเซีย เป็นต้น
แจง”เอกชน”ถือครองที่ดินจะนะแค่14% ซื้อขายกันเอง
“มาถึงตอนนี้คนคัดค้านโครงการที่อำเภอจะนะก็เริ่มน้อยลง แต่ตนเองก็เคารพความเห็นที่แตกต่าง อย่างไรก็ตาม การพัฒนาอำเภอจะนะมีความจำเป็น เพราะจังหวัดชายแดนภาคใต้มีการเจริญเติบโตต่ำมากแค่ 1.5 % ส่งผลให้แรงงานไทยต้องออกไปทำงานในประเทศเพื่อนบ้านทั้งที่ถูกกฎหมายและไม่ถูกกฎหมาย บริษัทเอกชนไปลงทุนที่ดินก็เพื่อนำไปพัฒนา เขาจะไปซื้อที่ดินกับใครก็เป็นการตกลงกันเอง บางคนค้าขายกับบริษัททีพีไอมานานก็ย่อมต้องรู้จักกัน ซึ่งผมไม่ได้ใช้อำนาจหน้าที่ ใครจะรู้จักใครก็ไปว่ากันเอาเอง ค่านายหน้าก็ว่ากันเองของเอกชน เอกชนไปรับความเสี่ยงเอาเอง ผมไม่ยุ่งเรื่องการซื้อขายที่ดิน เพียงแต่เห็นด้วยกับโครงการพัฒนาอำเภอจะนะเพื่อนำไปสู่การแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจในภาคใต้ เอกชนถือครองที่ดินในอำเภอจะนะแค่ 14 % เท่านั้น ไม่ได้อยู่ในมือนายทุนแต่อย่างใด จึงขอยืนยันว่าผมไม่ได้ใช้อำนาจหน้าที่ไปเอื้อประโยชน์ให้ใครทั้งสิ้น” นายนิพนธ์ กล่าว
เคลียร์เรื่องเก่า นายก อบจ.ย้ำรักษาผลประโยชน์รัฐ
นอกจากนี้ นายนิพนธ์ ยังได้ชี้แจงข้อกล่าวหากรณีเมื่อครั้งดำรงตำแหน่งผู้บริหารท้องถิ่น โดยระบุว่า สำหรับกรณีที่มีการกล่าวหาตนเองเมื่อครั้งดำรงตำแหน่งผู้บริหารท้องถิ่นเป็น นายก อบจ.สงขลา ในเรื่องการอุดหนุนงบประมาณให้สมาคมกีฬา เป็นประเด็นที่มีการโต้เถียงจนกระทั่งป.ป.ช.มีหนังสือมายังจังหวัดสงขลาเมื่อเดือนม.ค.2564 โดยระบุว่าการกระทำดังกล่าวเป็นเพียงการไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย แต่ไม่ได้เป็นการกระทำทุจริตแต่อย่างใด ซึ่งเรื่องนี้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ชี้แล้วว่าไม่มีการทุจริต เงินนี้อุดหนุนเพื่อพัฒนากีฬาของสงขลาเพื่อนำไปสู่การแข่งขันกีฬาแห่งชาติ ทั้งสนามแข่งขันและการเตรียมตัวนักกีฬา และสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาก็ให้ความเห็นว่าท้องถิ่นสามารถจัดการแข่งขันกีฬาได้
เช่นเดียวกับกรณีไม่จ่ายเงินรถซ่อมบำรุง ยืนยันว่ามีเจตนาเดียว คือ การรักษาผลประโยชน์ให้กับประเทศ โดยเมื่อครั้งรับตำแหน่งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด ปรากฎว่าก่อนนั้นผู้บริหารชุดก่อนได้มีการซื้อรถซ่อมบำรุงพิเศษ ต่อมาผู้บริหารขณะนั้นได้ขยายเวลาให้กับผู้มาซื้อเอกสารเพื่อเสนอราคา ทั้งๆที่ต้องยกเลิกการให้ซื้อเอกสารดังกล่าว จากนั้นเมื่อขยายเวลาแล้วมีผู้มาซื้อซองหนึ่งราย คือ บริษัท เอส พีเค ออโต้เทค จำกัด โดยมีข้อสังเกตว่ามีการปลอมลายมือชื่อผู้ดำเนินการ เพื่อเข้าไปยื่นเอกสารประกวดราคา จนเป็นที่มาของการแจ้งความเพื่อกล่าวหาเรื่องการใช้เอกสารเท็จ
เรื่องการจัดซื้อรถซ่อมบำรุงทางเอนกประสงค์นั้น ตนไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้อง แต่เมื่อตนได้เข้ามาดำรงตำแหน่ง ก็มีบุคคลเข้ามาร้องเรียนขอให้ระมัดระวังเรื่องการตรวจรับรถซ่อมดังกล่าว เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาแบบเดียวกับการจัดซื้อรถดับเพลิง ต่อมาเมื่อมีการตรวจสอบระบบรถและพบว่าไม่มีปัญหา ก็ต้องนำรถไปขึ้นทะเบียนก่อน ถึงจะดำเนินการเบิกจ่ายเงินให้กับผู้ขาย แต่ทว่ามีหนังสือจากจังหวัดสงขลาโดยรองผู้ว่าราชการจังหวัด ระบุว่า มีผู้ร้องเรียนเกี่ยวกับการจัดซื้อจ้าง จึงต้องสอบสวนและนำมาสู่การชะลอการจ่ายเงิน เพราะหากมีการจ่ายเงินไปโดยที่มีคำสั่งให้ระงับการจ่ายเงินไปก็อาจมีความผิดตามกฎหมาย คดีนี้ยังอยู่ในระหว่างการพิจารณาของศาลปกครองสูงสุด ทำให้ยังไม่มีการจ่ายเงิน
“ผมคิดว่าถ้าให้เวลาผมมากกว่านี้ก็อภิปรายได้ แต่พูดเดี๋ยวไปก็จะมีคนประท้วง ผมมีหลักฐานว่ามีขบวนการทำเชื่อมโยงกัน และเสนอไปยังอัยการเพื่อขอความเป็นธรรมแล้ว ผมทำไปเพื่อปกป้องประโยชน์ของแผ่นดิน ท่านอย่ามากล่าวหาผมลอยๆอย่างนั้น ขอบคุณที่ทำให้ผมมีโอกาสชี้แจงในวันนี้” นายนิพนธ์ กล่าว